วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

โรคที่มาพร้อมกับการอดนอน รูปภาพโดย AMARIN HEALTH




            ช่วงนี้มิวหายหน้าหายตาไป แน่นอนว่า งานเยอะคิวแน่น ยอมรับเลยว่าสองอาทิตย์สุดท้ายของเดือนจวบจนเมื่อคืนนี้ นอนไปคืนละ 2-3 ชั่วโมง แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ มิวเป็นคนที่ถ้ามีเรื่องกังวล เรื่องเครียด จะนอนไม่หลับ ประจวบเหมาะพอดี ทางเพจ อมรินทร์ได้แชร์เรื่องโรคที่มาพร้อมกับการอดนอนมา เลยอยากมานำเสนอให้ทุกคน อ่าน เอาตรงๆมิวก็อ่านด้วยนั่นแหละ เริ่มกันเลย

       ใครที่ติดตามภาพยนต์เรื่อง ฟรีแลนด์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ คงพอรู้สาเหตุว่าผิวหนังมีปัญหาเกี่ยวข้องอย่างไรกับการพักผ่อนน้อย ด้วยตัวพระเอกที่โหมทำงานหนักข้ามวันข้ามคืน จนเป็นโรคผิวหนังให้นางเอกรักษา มิวยอมรับว่านี่คืออาการแรกๆที่มิวพบเลย จากภาวะเครียดนอนน้อย น้องสุกใสเลยถามหา ในวัย 30 ปี หรือบางคนจะมีลักษณะอาการ เกิดตุ่มน้ำใสๆขึ้นตามร่างกายส่วนมากจะเกิดขึ้นรอบๆริมฝีปากและรอบอวัยวะเพศให้ปวดแสบปวดร้อนเล่นๆ เริมก็เป็นโรคในลักษณะเดียวกับโรคเครียดลงผิวนั่นเอง บางคนเมื่อเกิดอาการผิวเครียดแล้วอาจคิดว่าตัวเองเป็นโรคภูมิแพ้จึงพยายามหาสาเหตุของการแพ้นั้นๆ (ธาตุแพ้) ซึ่งจะหาอย่างไรก็ไม่เจอเพราะว่าอาการของโรคเครียดลงผิวนั้นจะถูกกระตุ้นโดยความเหนื่อยล้าและความเครียดที่เกิดขึ้นกับตัวเรานั่นเอง


         เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องหวัดจามไอนะ เนื่องด้วยมีภาวะเครียดสะสม ร่วมกับการนอนน้อย โภชนาการไม่ดี วินตามินดีก็ขาด ก็กำลังกายก็ไม่ทำ  นพ.ไพศิษฐ์ กล่าวว่า ปกติแล้วคนเราจะมีภูมิคุ้มกันอยู่ในร่างกาย คอยทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอม เข้าสู่ร่างกาย แต่ในปัจจุบันด้วยลักษณะ สภาพอากาศที่ผันผวน ร้อนจัด ฝนตกหนัก บางครั้งทำให้คนเราเกิดสภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เห็นได้จากบางคนมีอาการคัดจมูกทุกๆ เช้าหลังตื่นนอน หรือบางคนคัดจมูก จนถึงขั้นจามไม่หยุด เมื่ออากาศชื้นหรือเย็นขึ้น ล้วนเป็นอาการเบื้องต้นของ “ภูมิคุ้มกันต่ำ” ซึ่งหากปล่อยให้ ลุกลามไปมาก อาจเกิดอาการหวัดเรื้อรัง หรือร้ายแรงถึงขั้นโรคมะเร็ง


            โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่พบได้บ่อยมากโรคหนึ่งในผู้ใหญ่ โดยพบได้สูงถึงประมาณ 25-30% ของประชากรโลกที่เป็นผู้ใหญ่ทั้งหมด พบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และจะพบได้สูงขึ้นในผู้สูงอายุ (ในบางประเทศพบโรคความดันโลหิตสูงได้สูงถึง 50% ของผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป) ส่วนในเด็กก็สามารถพบเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน แต่จะพบได้น้อยกว่าในผู้ใหญ่มาก สถานการณ์ของโรคความดันโลหิตสูงทั่วโลกมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นเรื่อย (คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ.2568 ประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วทั้งโลกจะป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากถึง 1.56 พันล้านคน) เพราะเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเสียชีวิตของคนทั่วโลกก่อนวัยอันควรถึงเกือบ 8 ล้านคนต่อปี และยังเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเกือบร้อยละ 50 ด้วยโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคหัวใจ 


        จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในช่วงปี พ.ศ. 2555-2558 อัตราผู้ป่วยโรคหัวใจในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีพ.ศง 2557 มีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดจำนวน 58,681 คน หรือโดยเฉลี่ยถึงชั่วโมงละ 7 คน และยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ารรับประทานอาหารและออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญ ควรเน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช ลดปริมาณไขมัน โซเดียม และน้ำตาลให้น้อย หมั่นออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก หยุดสูบบุหรี่ นอกจากนี้ ความเศร้าและความเครียดก็อาจเป็นปัจจัยการเกิดโรคหัวใจได้ จึงควรพยายามผ่อนคลายให้มาก รวมทั้งรักษาสุขอนามัยให้ถูกต้องอยู่เสมอเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ


          ความอ้วนจริงๆแล้วเกิดจากหลายๆ ปัจจัย ที่นำไปสู่การห้มตัวเองไม่ให้กินไม่ได้ เช่น  ความเครียด หรือการนอนน้อยก็อ้วนได้ การนอนน้อยทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจในขณะนอนหลับ  ฮอร์โมน ghrelin และ leptin มีบทบาทสำคัญต่อความรู้สึกหิวและความสมดุลย์ของการใช้พลังงานในร่างกาย ghrelin กระตุ้นให้เกิดความหิวและอยากอาหาร โดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้ง ในขณะที่ leptin ลดความอยากอาหารและเพิ่มการใช้พลังงานของร่างกาย ระดับของฮอร์โมนทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกับการนอนหลับ เมื่อร่างกายนอนหลับไม่เพียงพอ ระดับ ghrelin จะเพิ่มขึ้น และระดับ leptin จะลดลง ทำให้เกิดความหิวและอยากอาหาร จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน 


          ถ้าพูดถึงโรคอ้วน สิ่งที่ตามมาเหมือนพี่น้องของโรคอ้วนก็คือเบาหวาน ตามที่กล่าวในส่วนโรคอ้วนไปนั่นคือ การนอนน้อยจะทำให้กินมากขึ้นเพื่อให้มีแรงทำงานและทำกิจกรรมต่าง ๆ และยังทำให้เกิดการต้านทานต่ออินซูลิน การเผาผลาญกลูโคสลดลง จึงเสี่ยงต่อการเกิด โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus: DM, Diabetes) เป็นภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) หรือการดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน ส่งผลให้กระบวนการดูดซึมน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงานของเซลล์ในร่างกายมีความผิดปกติหรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จนเกิดน้ำตาลสะสมในเลือดปริมาณมาก หากปล่อยให้ร่างกายอยู่ในสภาวะนี้เป็นเวลานานจะทำให้อวัยวะต่าง ๆ เสื่อม เกิดโรคและอาการแทรกซ้อนขึ้น

         ดังนั้นเราควรนอนให้เพียงพอวันละ 7-8 ชั่วโมง ไม่ควรออกกำลังกายหนักๆก่อนนอน อย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง ทำจิตใจให้สงบและผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายและสมองตื่นตัว จนไม่อยากนอนหรือนอนหลับยาก ทำใจให้ปล่อยวาง การสวดมนต์ หรือนั่งสมาธิอาจทำให้นอนหลับง่ายขึ้น (อันนี้เป็นการเตือนบอกตัวมิวเองด้วย) สรุปง่ายๆคือ ตามหลักพุทธศาสนา ทุกสิ่งมันล้วนเป็นอนิจจัง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ปล่อยวาง และมีสติรู้ตนเอง มิวเริ่มใช้วิธีนี้ และค่อนข้างได้ผลนะคะ  นอนไม่หลับลองกำหนดจิตสมาธิ หรือฟังเพลงสำหรับการนอนหลับ ใน Youtube มีนะคะ ถ้าใครเครียด ก็ให้บอกตัวเองไว้เสมอว่า


"THIS TOO SHALL PASS" : "เดี๋ยวมันก็ผ่านไป" 

ติดตามบทความสุขภาพและสอบถามเรื่องการวางแผนการเงินของคุณได้ที่


ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลประกันเพิ่มเติม

LINE ID : chonchanit
Tel : 0619546396

มิว ชลชนิต ปึงวิริยะรัตน์ รหัสตัวแทน 594844

วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

อะไรบ้างที่เป็นสาเหตุให้ประกันไม่จ่ายเงินให้คุณ

              เรื่องเงินๆทองๆกับประกัน เป็นอะไรที่ ผิดใจกันก็เพียงข้อความเนื้อหาในกรมธรรม์ บางคนไม่ได้อ่านฟังจากเซลล์พูดพร้อมกระดาษ 1 แผ่น บางคนอ่านแล้วตีความหมายไปในทางที่ผิด วันนี้จะมาพูดถึงกรณีที่พิพาทกันบ่อยๆ เกี่ยวกับประกันสุขภาพว่าทำไม ถึงไม่จายเงินตามที่เคยคุยกันเอาไว้  บางที่เรารับสื่อก็อาจจะต้องกรองกันหน่อย
               1. ทุพพลภาพ คนทั่วไปอาจจะนึกว่าพิการแขนขา ขาด 1 ข้าง ตาบอด แถมมีบัตรคนพิการ ก็เป็นทุพลภาพได้ ถือ ว่าเป็นการเข้าใจทีผิดนะคะ ทุพพลภาพในประกันคือ ถาวรและสิ้นเชิง กล่าวง่ายๆ ก็คือ ไม่สามารถปฎิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตัวเอง ตั้งแต่ 3 อย่างขึ้นไป ใส่เสื้อผ้า รับประทานอาหาร หรือลุกจากเตียงได้ด้วยตนเอง แต่เดี๋ยวก่อน อัมพฤกษ์ อัมพาต ไม่นับรวมเป็น ทุพพลภาพนะคะ

              2.  ระยะเวลา 30 วัน 60 วัน และ 120 วัน ใน 30วันแรกนับตั้งแต่มีการเริ่มความคุ้มครอง บริษัท จะไม่จ่ายเงินค่ารักษาใดๆ หรือพูดให้ถูกต้องคือ สามเดือนไปแล้ว ผู้ทำประกันถึงสามารถใช้สิทธิได้ตามที่ ทำไว้ ทำไมถึงต้องมีวันกำหนด ใช้เลยไม่ได้หรือ เนื่องจากโรคทุกโรคล้วนมีระยะเวลาการก่อกำเนิดของมัน บริษัทต้องการตรวจสอบว่า โรคดังกล่าวนั้น ผู้เอาประกันไม่ได้เป็น หรือตรวจพบก่อนทำประกัยชีวิต ช่วงหลังจาก 30 วัน ผู้เอาประกันต้องชำระด้วยตัวเองก่อนแล้วเก็บเอกสาร สำคัญต่างๆมอบ ให้เจ้าหน้าที่ตัวแทนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการเบิกจ่ายให้
             3.โรคเรื้อรัง สืบเนื่องจากข้อ 2 การตรวจรักษาภาวะที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด ปัญหาด้านพัฒนาการ หรือโรคทางพันธุกรรม
             4. การตรวจรักษา หรือการผ่าตัดเสริมสวย หรือการแก้ปัญหา ผิวพรรณ สิว ฝ้ากระ รังแค ผมร่วง หรือควบคุมน้ำหนักตัว ยกเว้นบาดแผลอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุที่ได้รับความคุ้มครอง

             5. การตรวจสุขภาพทั่วไป การร้องขอเข้าอยู่พักรักษาตัวในโรงพยาบาล การร้องขอผ่าตัดพักฟื้น หรือการเข้าพัก เพื่อตรวจหาสาเหตุใดๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย
             6. การตั้งครรภ์ แท้งบุตร ทำแท้ง การคลอด โรคแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ การแก้ปัญหาการมีบุตรยาก ทำหมันคุมกำเนิด
             7. การรักษา ป้องกัน การใช้ยาหรือสารต่างๆ เพื่อชะลอความเสื่อมของวัย  การให้ฮอร์โมนของทั้งหญิงและชาย การรักษาความผิดปกติทางเพศ และการแปลงเพศ
             8. ตรวจรักษาความผิดปกติทางสายตา เลสิค หรืออุปรณ์ที่ช่วยในเรื่องความผิดปกติ ด้านการมองเห็น
             9. การตรวจ ผ่าตัด รักษา โรคเกี่ยวกับฟันหรือเหงือก ทำฟันปลอม ครอบฟัน และอื่นๆ ยกเว้นกรณีการบาดเจ็บอุบัติเหตุ ซึ่งจะไม่รวมกับ ค่าฟันปลอม ครอบฟัน รักษารากฟัน
            10. รักษา บำบัด ภาวะติดสารเสพย์ติดให้โทษ บุหรี่ สุรา ยาเสพย์ติด

            11. การตรวจรักษา อาการทางจิต หรือความผิดปกติด้านบุคลิกภาพ รวมถึงภาวะสมาธิสั้น
            12. การตรวจรักษาที่ยังอยู่ในระหว่างการทดลอง หรืออาการหยุดหายใจขณะนอนหลับ การนอนกรน
            13. การปลูกฝี หรือการฉีดวัคซีนป้องกันโรค  ยกเว้นวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า แลัวัคซีนบาดทะยัก
            14. การตรวจที่ไม่ใช่แผนปัจจุบัน รวมถึงแพทย์ทางเลือก
            15. ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากผู้เอาประกันภัย ซึ่งประกอบอาชีพแพทย์สั่งให้แก่ตัวเอง รวมถึงค่าใช้จ่ายของบิดา มารดา คู่สมรส และบุตรของผู้เอาประกันภัย
            16. การฆ่าตัวตาย การพยายามฆ่าตัวเอง หรือ การทำร้ายตัวเอง ไม่ว่าจะกระทำด้วยตนเอง หรือยินยิมให้ผู้อื่นกระทำ  ไม่ว่าจะด้วยสภาวะจิตแบบใด  รวมถึงการใช้ยาเกินขนาดแพทย์สั่ง

            17. เป็นนักโทษ หรือก่ออาชญากรรม
            18. ปฏิบัติหน้าที่ทหาร ตำรวจ หรือ อาสาในพื้นที่สงคราม หรือปราบปราม
            19. สงคราม การรุกราน สงครามกลางเมือง การกบฏ การก่อจลาจล หรืออะไรที่จะเป็นเหตุให้มรประกาศ หรือคงไว้ที่ กฎอัยการศึก


ยาวหน่อยแต่อ่านเถอะเพื่อผลประโยชน์ของคุณเอง ช่วงนี้ขอโทษจริงๆค่ะ หายหน้าหายตาไป 
เดือนสุดท้ายแล้ว ขอ วิ่งงานจัดๆ นิดนึง เดือนหน้า จะกลับมาสู่ระบบเดิมนะคะ 

ติดตามบทความสุขภาพและสอบถามเรื่องการวางแผนการเงินของคุณได้ที่


ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลประกันเพิ่มเติม

LINE ID : chonchanit
Tel : 0619546396

มิว ชลชนิต ปึงวิริยะรัตน์ รหัสตัวแทน 594844
             

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

(เคสที่เศร้าใจที่สุด) จากไทรอยด์ ลุกลามเป็นมะเร็ง และอนาคตที่หมดลง

         
             วันนี้ไปพบลูกค้า ระบายความในใจ เกี่ยวกับเรื่องลูก ที่อายุยังน้อย "ลุงเห็นหนู แล้วพาลให้นึกถึงลูกของลุง เค้าควรเป็นวัยที่เต็มไปด้วยพลังและรอยยิ้ม แบบหนู" ประโยคแรกที่คุณลุง กล่าวขึ้น หลังจากการทักทายพอประมาณ มิวก็มองคุณลุงก็เห็นความท้อแท้ เหนื่อยล้าในสีหน้าแววตา ขัดกับริมฝีปากที่มีรอยยิ้ม และน้ำเสียงที่เจือแววอารมณ์ดีเป็นนิสัย
         
           "ตอนนี้ลูกลุงต้องเข้ารับการรักษาด้านวิธีกลืนแร่ ซึ่งสามเดือนต้องไปรักษาที แล้ว 7 วัน ห้ามเข้าเยี่ยม แถมเมื่อกลับบ้านต้องนอนนิ่งๆ อีก 2 สัปดาห์ หยุดเยอะขนาดนี้ หนูคิดสิ บริษัทไหนเค้าจะรับเข้าทำงาน" คุณลุงพยายามที่จะทำให้เรื่องราวดูไม่เครียด ด้วยการหัวเราะตบท้าย ซึ่งไม่รู้ว่าหัวเราะจริงๆ หรือ หัวเราะประชดโชคชะตา เรารับฟังอย่างตั้งใจเพิ่งรู้ว่า อาชีพตัวแทน ก็เป็นนักจิตวิทยาคนนึง ที่ต้องรับฟังปัญหาลูกค้าอย่างเข้าใจ ซึ่งการรับฟังที่ดีไม่ใช่การขัดออกความคิดเห็น แต่นิ่งฟังและตอบรับเป็นครั้งคราว

           สรุปโดยย่อๆว่า ลูกคุณลุงเหนื่อยง่าย อ่อนแอ จากที่เป็นคนแข็งแรงปกติ มีอนาคตไกล สดใส เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ใครจะคิดว่า อายุเพียงแค่นี้ ต้องหมดอนาคตลงเพียงเพราะ ไทรอยด์ที่ตรวจเจอมะเร็ง
คุณลุงเรียกมิวมาวันนี้เพียงเพื่อถามว่า มิวจะสามารถทำประกันค่ารักษา ให้ลูกคุณลุงได้ไหม เพราะเงินที่คุณลุงหามาได้เท่าไร มันก็ลดน้อยลงเพราะการรักษาที่จำเป็นต้องต่อเนื่อง และต้องเดินทางไกลไปรักษาถึงกรุงเทพ
             หลังจากฟังเรื่องราว มิวได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนพูดคำปฏิเสธออกมา ทันทีที่ได้ยินคุณลุงที่พยายามฝืนยิ้มหัวเราะก็เจื่อนลงคอตกนิดนึง บรรยากาศเงียบไปสักพัก เราก็จนด้วยคำพูด ไม่ใช่ไม่อยากช่วย แต่มิวช่วยไม่ได้ ถึงบริษัทจะรับ แต่เค้าก็ไม่รับเรื่องเกี่ยวกับโรคนี้ โรคที่ผู้เอาประกันเป็นก่อนสมัคร ทีนี้ในสายตาของคนทั่วไปจะเห็นเลยว่า คนสองคน สองเพศ สองวัย ต่างนั่งคอตกกันคนละมุมโต๊ะ

           อีกครั้งที่เป็นเคส ที่ให้ความรู้สึกเหมือน รอบตัวอยู่ในพายุฝน และมีภูเขาหนักๆมาวางทับอก โชคชะตาเล่นตลกกับมนุษย์เสียเหลือเกิน คนแข็งแรงดีกลับไม่สนใจ ที่จะทำประกัน กลับมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องถูกเอาเปรียบ สิ้นเปลือง และไม่จำเป็น นี่ไงความจำเป็น ผู้ชายที่นั่งก้มหน้าหลังจากได้ยินมิวพูดปฏิเสธไป เป็นตัวอย่างเป็นเหตุผลของความจำเป็น ที่เราต้องทำประกันเมื่อยังแข็งแรง

           วันนี้เรื่องราวก็จบลงด้วย คำพูดที่ทำได้แค่ให้กำลังใจ ซึ่งเชื่อว่าถ้ามันเปลี่ยนเป็นเงินรักษาตัวลูกคุณลุงได้ คุณลุงคงได้จากใครหลายคนมากพอที่จะรักษาลูก แต่มันเปลี่ยนเป็นเงินไม่ได้ คุณลุงเงยหน้ามาพูดคุยหัวเราะอยู่สักัพก ก็ร่ำลาลุกยืนขึ้น เราดูก็รู้ว่าคุณลุงพยายามยืดหลังให้ตรง ฝืนยิ้มนิดๆ  ก่อนหันหลังเดินจากไป แต่มิวเป็นคนที่นั่งอยู่ที่เดิมมองคุณลุงเดินไปไกลออกไป คุณลุงไปแล้ว แต่ทิ้งเมฆฝน และภูเขาแห่งความเศร้าไว้ที่มิวด้วย ถ้ามิวเป็นพระเจ้า มิวจะช่วยคุณลุงนะคะ แต่มิวเป็นแค่มนุษย์คนนึงที่ลืมตาดูโลกได้เพียง 30 ปี มิวเสกอะไรไม่ได้เลยค่ะ  มิวช่วยอะไรในเคสแบบนี้ไม่ได้เลยจริงๆค่ะ 

ติดตามบทความสุขภาพและสอบถามเรื่องการวางแผนการเงินของคุณได้ที่


ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลประกันเพิ่มเติม

LINE ID : chonchanit
Tel : 0619546396

มิว ชลชนิต ปึงวิริยะรัตน์ รหัสตัวแทน 594844

วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ความไม่คุ้มค่าของการทำประกันชีวิต มันไม่คุ้ม จริงหรือ

     


        เชื่อว่า กลุ่มคนที่มีอายุช่วง 25 - 35 หลายคน หรือคนที่ทำประกันชีวิตแล้วบางคน ยังคงมองว่าการทำประกันชีวิตมัน ช่างไม่มีความคุ้มค่าเอาเสียเลย ทำไปก็เสียเปล่า ฉันยังแข็งแรง และสุขภาพดี  เลิกไม่ทำดีกว่า เอาเงินจำนวนนี้ที่เสียไปเปล่าๆ ไปซื้อความสะดวกสบายทางใจดีกว่า

         ถามว่าความสะดวกสบายใจ บางอย่างมันไม่สามารถ ตีค่าเป็นเงินกลับมาได้อีก คุณมีความสุขในการได้ไปเที่ยวชมคนเสิร์ต ศิลปินคนโปรด อยากเห็นนักร้อง ดาราในฝันตัวเป็นๆ อยากใช้อากาศหายใจร่วมเค้า(อันนี้ดูจิตๆ) แต่ สมมุติว่า ระหว่างเดินทางไปหรือเดินทางกลับ มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับตัวคุณ บัตรคอนเสิร์ตนั้น มันไม่สามารถเปิดทางโรงพยาบาลเอกชนราคารแพงๆ ได้ ดารานักร้องของคุณ เค้าทำดีที่สุดคือ แค่มาเยี่ยม หรือมอบเงินจำนวนหนึ่งให้  และถ้าไม่ใช่แบบนั้นดาราคนนั้นไม่มา เงินช่วยเหลือไม่มีคุณจะรู้สึกแบบไหน

         หลายครั้ง หลายเคสที่บางคน โชคดีที่ได้ทำประกันไว้ทั้งๆที่ตอนทำไม่เห็นความสำคัญเท่าไร เอาแค่ว่าช่วยเซลล์ ช่วยตัวแทน หรือรำคาญตัวแทนก็ตามแต่ เพียงไม่นาน สิ่งร้ายได้เกิดขึ้น แล้วประกันไร้คุณค่าฉบับนั้น ดันช่วยได้ เค้าถึงตระหนักถึงคุณค่าการทำประกัน ต่อมา ก็เป็นคนจำนวนนึงที่โชคไม่ดีเท่าไร เพียงแค่เห็นว่าประกันมันสิ้นเปลืองไป ทำก็ไม่ได้ใช้ จึงยกเลิก และไม่นานเช่นกัน ก็เกิดเรื่องแล้วทีนี้ ได้แต่รำพึงว่ารู้อย่างนี้
         มันเป็นสิทธิ์ของลูกค้าที่จะเลือกทำ หรือไม่ทำ แต่ถ้าถามความคิดเห็นมิว ครั้งนึงมิวเคยไปเยี่ยมลูกค้า ระหว่างรอเพราะลูกค้าคนมาเยี่ยมเต็มห้อง เลยปลีกตัวมาก่อน ได้คุยกับคนๆนึง ที่มานั่งอยู่ที่นั่งใกล้ๆกัน ด้วยสีหน้าเขามิวเลยถามไปว่า มาทำอะไรหรือคะ สิ่งที่มิวได้รับคำตอบกลับมา มันคือ เรื่องที่คนๆนึงกำลังแบกรับไว้บนบ่า เขาไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้จะมีเรื่องนี้เกิดขึ้น เขาเลยต้องไปกู้ยืมเงินมาเพื่อรักษาน้องสาว ที่ป่วยหนัก รอใช้สิทธิ์ โรงพยาบาลรัฐไม่ไหว แต่เมื่อเข้าโรงพยาบาลยอดเงินที่แจ้งมาจะไม่รักษาก็ไม่ได้ หนี้สินเกิดขึ้นทันที


          เรื่องแบบนี้ใครบ้างอยากให้เกิด ไม่มีหรอกค่ะ ทุกครั้งที่นำเสนอ ทุกครั้งที่มิวพูด มิวห่วงจริงๆ มิวเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น มิวเห็นถึงความจริง เพราะมิวเคยยืนตรงนั้น ตรงที่ไม่มีประกันแต่ต้องผ่าสมองหลักแสน คืนนั้น เวลานั้น ไม่รู้เลยว่าจะเสกเงินแสนมาจากไหน มัันไม่มีความสุขอยู่แล้วกับการเจ็บป่วยของคนที่เรารัก แต่มันไม่มีความสุขมากกว่าเมื่อเราไม่มีเงินช่วยรักษาเขา นาทีนั้น ประกันชีวิต คือสิ่งเดียวที่มิวคิด แต่ทุกอย่าง มันสายไป คุณอยากเป็นแบบมิว หรือคุณอยากเลือกทางเดินที่ตรงกันข้ามจากมิว
มันอยู่ที่คุณจรดปากกาเซ็นชื่อ ซื้อประกันชีวิตแล้วล่ะค่ะ



ติดตามบทความสุขภาพและสอบถามเรื่องการวางแผนการเงินของคุณได้ที่


ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลประกันเพิ่มเติม
LINE ID : chonchanit
Tel : 0619546396

มิว ชลชนิต ปึงวิริยะรัตน์ รหัสตัวแทน 594844

วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ไวรัสไข้ซิการักษามะเร็งสมองได้



               คำพูดว่าเหรียญย่อมมีสองด้านเสมอได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นจริงอีกครั้งในกรณีของไวรัสไข้ซิกา การระบาดของเชื้อโรคชนิดนี้สร้างวิตกกับประเทศต่าง ๆ รวมท้ั้งไทยอย่างมาก แต่ขณะนี้นักวิจัยกลับพบประโยชน์ของไวรัสไข้ซิกา ในการรักษาโรคมะเร็งสมองชนิดรุนแรงแล้ว

               
             ทีมนักวิจัยอเมริกันจากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยวอชิงตันและมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียวิทยาเขตซานดิเอโกทำการทดลองขั้นต้นพบว่า ไวรัสไข้ซิกาที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมสามารถเลือกโจมตีทำลายเฉพาะเซลล์มะเร็งสมองได้ โดยไม่สร้างความเสียหายแก่เซลล์ร่างกายอื่น ๆ


               ผลการทดลองดังกล่าวถูกนำไปเผยแพร่ในวารสาร Journal of Experimental Medicine โดยระบุว่าประสบความสำเร็จในการใช้ไวรัสไข้ซิกาที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมให้ความสามารถในการก่อโรคลดลง เข้าทำลายเซลล์มะเร็งสมองชนิดไกลโอบลาสโทมา (Glioblastoma) ซึ่งเป็นมะเร็งสมองชนิดรักษายากได้สำเร็จในหนูทดลองและในเนื้อเยื่อสมองของมนุษย์ที่ได้รับบริจาคมา โดยไม่สร้างความเสียหายต่อเซลล์ร่างกายที่ยังแข็งแรงอื่นๆ

               การรักษามะเร็งสมองด้วยไวรัสไข้ซิกาจำเป็นจะต้องมีการฉีดเชื้อลงในตำแหน่งจำเพาะ
นพ.ไมเคิล ไดมอนด์ หนึ่งในทีมนักวิจัยบอกว่า ธรรมชาติของไวรัสไข้ซิกานั้นมักเข้าโจมตีทำลายเซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเซลล์ในสมองของทารกในครรภ์ ทำให้ทารกเกิดมามีภาวะศีรษะเล็กผิดปกติและมีความบกพร่องทางสติปัญญา แต่ในกรณีของผู้ใหญ่นั้นจะไม่มีสเต็มเซลล์ในสมองมากเท่าทารก ทำให้ไวรัสเข้าโจมตีได้แต่สเต็มเซลล์ของมะเร็งซึ่งเป็นตัวการทำให้มะเร็งชนิดรุนแรงแผ่ขยายเติบโตไปทั่วสมองอย่างรวดเร็ว จนการรักษาด้วยวิธีปกติเช่นวิธีรังสีรักษา เคมีบำบัด รวมทั้งการผ่าตัดไม่ได้ผล


             ทารกที่ติดเชื้อไวรัสไข้ซิกาในครรภ์ จะเกิดมามีภาวะศีรษะเล็ก (Microcephaly) ทีมนักวิจัยมีแผนจะทำการทดลองในมนุษย์ภายใน 1 ปีครึ่งนับจากนี้ และเชื่อว่าในอนาคตจะสามารถฉีดไวรัสไข้ซิกาเข้าร่างกายคนไข้ขณะผ่าตัดนำเนื้อร้ายออก เพื่อรักษามะเร็งสมองที่ลุกลามให้ได้อย่างทั่วถึงและยั่งยืนแบบถอนรากถอนโคน โดยไม่กลับมาเกิดเนื้อร้ายขึ้นอีกในอนาคต

เรื่องน่ารู้ของไวรัสไข้ซิกา

- สามารถติดต่อกันได้หากถูกยุงที่เป็นพาหะของเชื้อโรคกัด

- คนทั่วไปที่ติดเชื้อจะมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย แต่เป็นอันตรายอย่างมากกับทารกในครรภ์

- ทารกที่ติดเชื้อไวรัสไข้ซิกาในครรภ์ จะเกิดมามีภาวะศีรษะเล็ก (microcephaly) และมีพัฒนาการทางสมองช้า

- ไวรัสไข้ซิกาเป็นสาเหตุของความผิดปกติรุนแรงในทารกแรกเกิดจำนวนมากในเกือบ 30 ประเทศ

- แม้การแพร่ระบาดของไวรัสไข้ซิกาจะไม่ได้เป็นประเด็นฉุกเฉินในระดับนานาชาติอีกต่อไป แต่องค์การอนามัยโลกระบุว่ายังคงจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

เชื่อหรือไม่...คนไทยทั้งประเทศ 88% มีเงินในบัญชีไม่ถึง 5 หมื่นบาท

               เงินไม่ใช่ทุกสิ่งนะ แต่ทุกสิ่งมันซื้อได้ด้วยเงินนี่นา บางทีเราอาจจะจัดลำดับความสำคัญในการวางแผนการใช้เงินที่ผิดเพี้ยนไป นิดหน่อย เราทุ่มให้กับความต้องการต่างๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า ก็ทำงานมาเหนื่อยให้กำไรชีวิตตัวเองหน่อย จะเป็นอะไรไป รู้ตัวอีกที ของสะสม ก็เต็มห้อง เกินความจำเป็นต้องใช้ แต่ไม่เกินมูลค่าทางใจ แต่อย่าลืมว่าของทุกอย่าง ย่อมมีความเสื่อมและหมดอายุ หมดความนิยม แล้วยามที่เราลำบาก จะขายของสิ่งนั้น ถ้าไม่เฉพาะกลุ่มเฉพาะทาง คงพูดยากเรื่องกำไร
             

              ตอนนี้คนไทยเรา มีบัญชีรวมทุกธนาคาร ประมาณ 83 ล้านบัญชี (ดูรวย) แต่เงินฝากในบัญชี 88% ดันมีไม่ถึง 5 หมื่นบาท ที่กล่าวว่า 83 ล้านบัญชีนั้น เป็นเพียงแค่ บัญชีประเภทฝากออมทรัพย์ ยังไม่ได้รวม ประเภท ฝากประจำ และประเภทจ่ายคืนเมื่อทวงถาม ก็ถ้ารวมกันทั้งหมด จะอยู่ที่ 94.5  ล้านบัญชี

            เราจะกล่าวถึงแค่ในส่วนเงินฝาก จำนวนบัญชีเงินฝากที่ยอดไม่ถึง 5 หมื่น มีสัดส่วนสูงถึง 73 ล้านบัญชี บางคนอาจจะเถียงว่า หรอ แต่ของฉันนะมีหลักแสนนะ ค่ะ เช่นกัน เมื่อรวมเข้ากับคนที่มียอดเงินไม่ถึง 1 ล้าน ทั้งหมด (ยอดเงินในบัญชี 0 บาท - 9 แสน) ก็จะคิดเป็น 99% ในขณะที่จำนวนบัญชีออมทรัพย์ ที่มีเงิน มากกว่า 1 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วนจำนวนบัญชีแค่ร้อยละ 1 เท่านั้น แต่กลับมีเงินในบัญชีกลุ่มนี้รวมมากถึง 4.9 ล้านล้าน บาท
         
           นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยยังจำแนก ออกว่าเงินแต่ละช่วงมีกี่บัญชีให้ดู เรามาดูกันหน่อยว่าเราอยู่กลุ่มไหน แล้วมีเพื่อนร่วมชะตากรรมกันเท่าไร (ข้อมูล ณ วันที่ 10 เมษายน 2561 )

ข้อมูลเดิม ณ ปี 2559

  • ไม่เกิน 5 หมื่นบาท      :    73 ล้านกว่าบัญชี
  • 5 หมื่นบาท - 1แสนบาท :  3 ล้านกว่าบัญชี
  • 1แสยบาท - 5 แสนบาท  :  4ล้านกว่าบัญชี
  • 5แสนบาท - 1 ล้านบาท  :  9แสนกว่าบัญชี 
  • 1 ล้านบาท - 500 ล้านบาท++ : 9 แสนบัญชี
           อยากเป็นหนึ่งในจำนวนคนที่อยู่ 2 ยอดสุดท้ายไหม รู้ไหมว่าการฝากเงินในบัญชีธนาคาร มันมีเงินจำนวนหนึ่ง หายไป เราอาจจะไม่รู้ตัว เช่น ค่าภาษี และค่าบริการทางธนาคาร ต่างๆ อยากมีเงินเก็บที่ไม่ต้องถอนออก แล้วการันตียอดแน่นอน ไม่มีอะไรมาตัดส่วนแบ่งออกไหม ถามมิวได้นะ ว่าทำไม เรื่องทำให้เงินลูกค้างอกเงยเป็นงานถนัดของมิว ไว้วันหบังมิวจะอธิบายความลับที่ธนาคารไม่เคยบอกเราให้ฟังค่ะ


ขอบคุณข้อมูลจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย วันที่ 1 เมษายน 2561 

ติดตามบทความสุขภาพและสอบถามเรื่องการวางแผนการเงินของคุณได้ที่


ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลประกันเพิ่มเติม
LINE ID : chonchanit
Tel : 0619546396

มิว ชลชนิต ปึงวิริยะรัตน์ รหัสตัวแทน 594844


วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

น้ำมัน Aroma กลิ่นไหน ยุติทุกความเครียด

                   เวลาเราเครียด เราก็มักอยากหาอะไรที่สามารถช่วยบรรเท่าอาการเครียด ของเรา อันที่จริงวิธีคลายเครียด ของมนุษย์ก็มีอยู่หลายอย่าง ตามรูปแบบความชอบ ไลฟ์สไตล์ อย่างสาวๆเอง จะมีอยู่ 2 อย่างที่แสดงออกให้เห็นชัดๆ และออกแนวจะสิ้นเปลื้องไปหน่อยคือ กิน กับ ชอปปิ้ง
                   วันนี้มิวอยากนำข้อมูลจากนิตรยสารชีวจิต ในเรื่องของกลิ่น Aroma ว่ากลิ่นไหนที่จะช่วยให้เรา ยุติหรือบรรเทาความเครียดที่แบกรับนัดๆ ลงได้ เพียงแค่เรา สูดกลิ่นเท่านั้น มาเริ่มจากนางเอกของกลิ่น ถ้าพูดถึงกลิ่นหอม ต้องมีกลิ่นนี้เข้าชิง ตลอด

                      1. กลิ่นของดอกกุหลาบ เป็นกลิ่นที่มีความหอมหวานและความสดชื่นอยู่ในตัว โดยหาน้ำมันหอมระเหยของดอกกุหลาบมาวางไว้ในที่ทำงาน หรือห้องนอน กลิ่นหอมของดอกกุหลาบ จะช่วยลดอาการเก็บกด หดหู่ หงุดหงิด ความเครียด อาการปวดจากไมเกรน รวมถึงอาการซึมเศร้าได้ เหมาะกับสาวๆที่กำลังอยู่ในช่วงก่อนมาประจำเดือนและสาวในวัยหมดประจำเดือนก็ใช้ได้ค่ะ 
                     2. กลิ่นมินต์ มีน้ำมันและสารเมนทอล (Menthol) สูง 80-89% มีสรรพคุณให้กลิ่นหอมเย็นลึก ช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระตุ้นให้เกิดความกระปรี้กระเปร่า ช่วยให้ความจำดีขึ้น ช่วยลดความโกรธ รักษาสม ดุลของจิตใจ ยับยั้งเชื้อโรค และลดอาการเจ็บปวด นอกจากนี้กลิ่นหอมๆของมันยังช่วยคลายเครียดและแก้ปวดศีรษะ เมื่อสูดดมเข้าไป
                    3. กลิ่นลาเวนเดอร์ จะใช้น้ำมันหอมระเหย หยดลงในอ่างอาบน้ำ อาบก่อนเข้านอน หรื่อจะให้มีกลิ่นของดอกลาเวนเดอร์อยู่ในห้องตอนนอนก็ได้ค่ะ  โดยน้ำมันดอกลาเวนเดอร์ มีกลิ่นหอมอวลๆ โทนหวาน ซึ่งกลิ่นนี้จะมีคุณสมบัติลดอาการปวดหัวจากไมเกรน ช่วยผ่อนคลายให้จิตใจสงบ ลดความตึงเครียด กังวล อ่อนเพลีย และหดหู่ ลดอาการซึมเศร้าได้ ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้นและผ่อนคลายระบบต่างในร่างกาย ให้รู้สึกสบายตัว แถมยังช่วยในเรื่องอาการเมาค้างอีกด้วย 

                     4. กลิ่นมะกรูด กลิ่นหอมสดชื่นของมะกรูด ช่วยให้จิตใจเบิกบาน โดยสาวๆสามารถหามาวางไว้ตามโต๊ะทำงาน จะช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ไม่ซึมเศร้า ช่วยให้จิตใจสงบ คลายความกดดัน และยังทำให้นอนหลับสบาย เหมาะกับสาวๆที่กำลังเหนื่อยและเครียดกับงานมากๆเลยค่ะ
                 5. กลิ่นดอกมะลิ  หาน้ำมันหอมระเหยกลิ่นดอกมะลิ วางในห้อง หรือตามจุดต่างๆที่ใช้ทำงาน ในห้องนอนก็ได้นะคะ โดยกลิ่นหอมสดชื่นของดอกมะลิเนี่ย จะช่วยให้จิตใจที่หวั่นไหว มีความมั่นคงขึ้น ลดความกระวนกระวาย ผ่อนคลายความเครียด และยังช่วยลดอาการซึมเศร้า เหมาะกับสาวๆที่กำลังอยู่ในวัยหมดประจำเดือนนะคะ  โดยส่วนตัว มิวไม่ชออบกลิ่นที่เป็นการสังเคราะห์มาของมะลิ ไม่ว่าจะแบรนด์ไหน กลิ่นหอมชวนปวดหัวไป แต่ถ้าหากเป็นดอกมะลิลอยในน้ำ อันนี้คือ หลับสนิทเลยค่ะ

               6. กลิ่นตะไคร้หอม  ช่วยลดความเครียด กระวนกระวาย ปวดหัว อาการเมื่อยล้า ช่วยการไหลเวียนของโลหิตและอาการ JETLAG จากการเดินทางไกลหรือใช้กับคนที่อยูในช่วงพักฟื้นจากอาการป่วย มีฤทธ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ดับกลิ่นอับในห้องและไล่แมลงต่าง ๆ ไล่ยุงได้ 

และกลิ่นสุดท้ายค่ะ 
                  7. กลิ่นตะไคร้บ้าน เออหนอ มันแตกต่างอย่างไรกับกลิ่น ตะไคร้หอมล่ะ ตะไคร้บ้านมีกลิ่นที่หอมสดชื่น มีกลิ่นที่ละมุนกว่า ตะไคร้หอม (Citronella) จึงไม่ควรสับสนระหว่างชื่อของน้ำมันหอมระเหย 2 ตัวนี้  ส่วนตะไคร้บ้านของอินเดียจะมีกลิ่นเข้มและฉุนกว่าตะไคร้ไทย ตะไคร้บ้านเป็นสมุนไพรธรรมชาติที่ใช้ได้ดีในการบำบัดความเครียด คุณสมบัติพิเศษของตะไคร้บ้านช่วยผ่อนคลายระบบทางเดินหายใจและระบบประสาท ช่วยบรรเทาความกดดันและความตึงเครียดลงได้

               ประโยชน์ดีๆ ที่ราคาถูก และง่าย บางที่เราก็เครียดจนเกินกว่าจะออกไปทำอะไร นอนนิ่งๆ ในห้องนอนเปิดแอร์ ฟังเพลงเบาๆ พ่นไอหมอก Aroma หรือจะนอนแช่น้ำ หยดกลิ่นAroma ไปสัก 2-3 หยดก็คงจะผ่อนคลายความตึงเครียดที่เราแบกรับมาทั้งวันได้ โดยส่วนตัวมิวเชื่อว่ากลิ่น ทำให้เราผ่อนคลายได้จริงๆ ไท่ต้องเข้าสปา อะไร ไม่ต้องซื้อแพง โดยถ้าในบ้านมีต้นมะลิที่ออกดอก กลิ่นมะลิช่างเหมาะกับบรยากาศ อากาศประเทษไทยที่สุด เครียดมากๆ ลองทำตามดูนะคะ แล้วจะรู้ว่าสวรรค์ที่แค่สูดกลิ่น แล้วหลับตา เป็นอย่างไร ถ้าเราลดความเครียดลง เราก็จะสามารถลดโอกาสของมะเร็งร้ายได้เช่นกันค่ะ

ขอบคุณ : เพจนิตรยสารชีวจิต, เพจSLIMMING PLUS

ติดตามบทความสุขภาพและสอบถามเรื่องการวางแผนการเงินของคุณได้ที่

ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลประกันเพิ่มเติม
LINE ID : chonchanit
Tel : 0619546396

มิว ชลชนิต ปึงวิริยะรัตน์ รหัสตัวแทน 594844


วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ภาษีที่ดิน มีกี่ประเภทกันนะ แล้วเตรียมรับมือกันบ้างหรือยัง


         ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยทำงาน เราก็อยากจะมีบ้าน มีรถ เป็นของตัวเอง แต่แค่ภาษีรายได้ ของเราแต่ละปี ก็ฉีกเงินในกระเป๋า และบัญชีไปเสียตั้งเท่าไร วันหนึ่งพอเก็บเงินได้อยากจะมีสมบัติเป็นของตัวเอง กลับต้องมีเรื่องภาษีที่ดินมาอีก หันซ้ายก็ภาษี หันขวาก็ภาษี แล้วภาษีที่ดินมันมีกี่ประเภทกันนะ เราอยู่ในข่ายที่ต้องเสียภาษีไหม ซึ่งอัตราภาษีแต่ละประเภทนั้น ปัจจุบันร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2560ได้แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ซึ่งมีอัตราภาษีที่แตกต่างกันไป


     ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไปนั้น ย่อมเสียภาษีในอัตราที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเภทที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการบรรเทาภาระภาษี หรือลดอัตราภาษีของสินทรัพย์บางประเภทที่กฎหมายมองว่าควรได้รับการลดลง เช่น บ้านพักอาศัยหลักซึ่งได้รับกรรมสิทธิ์จากการรับมรดกก่อนที่พระราชบัญญัตภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีผลบังคับใช้ (ลดอัตราภาษีให้ 50%) หรือ ทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างพัฒนาเพื่อทำโครงการที่พักอาศัย (ยกเว้นภาษีโดยให้เสียในอัตรา 0.05% เป็นเวลา 3 ปี)

        แต่ดูเหมือนว่า ปัญหาที่หนักที่สุดนั้นจะอยู่ในกลุ่มที่ดินที่ไม่ได้รับการพัฒนา หรือที่ดินรกร้างว่างเปล่า ซึ่งเริ่มต้นเสียภาษีตั้งแต่ 1% และมีโอกาสเสียภาษีในอัตราที่สูงสุดถึง 5% ถือว่าที่ดินกลุ่มนี้ตกเป็นภาระสำหรับคนที่ครอบครองที่ดินในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายภาษีในแต่ละปี ยกตัวอย่างเช่น หากเรามีที่ดินรกร้างว่างเปล่ามูลค่าประเมิน 100 ล้านบาท เราจะต้องเสียภาษีสูงถึง 1 ล้านบาทต่อปีในช่วงปีแรกๆ และสูงถึง 5 ล้านบาทต่อปี ถ้าหากว่าที่ดินดังกล่าวไม่ถูกนำไปพัฒนา


      โดยปกติแล้ว แนวทางการจัดการภาษีที่ดินนั้นมีไว้สำหรับที่ดินที่มีการพัฒนาและใช้งานเป็นหลัก เช่น การโอนทรัพย์สินของกลุ่มที่ดินเพื่อการพาณิชยกรรมเข้าเป็นสินทรัพย์ของบริษัท เพื่อใช้ในการบรรเทาภาระภาษี และใช้วิธีขายบริษัทแทนการขายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะทำให้ลดภาระภาษีของธุรกิจไปได้มาก หรือการแปรสภาพที่ดินที่รกร้างว่างเปล่าให้กลายเป็นที่ดินประเภทอื่นๆ เพื่อให้มีการใช้และพัฒนาที่ดินในการลดภาระภาษี เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า อัตราภาษีของแต่ละประเภทนั้นมีความแตกต่างกัน หากเปลี่ยนที่ดินรกร้างว่างเปล่ามูลค่า 100 ล้านบาทไปเป็นที่ดินเกษตรกรรม ก็จะทำให้ภาษีลดลงจาก 1 ล้านบาทเหลือเพียง 25,000 บาทเท่านั้น 


       แต่พอคิดจะแบ่งสันปันส่วนที่ให้ทายาท เราก็ต้องมาศึกษา ในส่วนของภาษีมรดกอีก รอบตัวช่างมีแต่เรื่องราวภาษี สิ่วหนึ่งที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการรับมือภาษีที่ดินนั้น คือการวางแผนและจัดการภาษี โดยเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจแนวทางการจัดเก็บของภาษีที่ดินกันก่อนว่าเป็นอย่างไร

    ในปัจจุบันยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า แนวทางการจัดเก็บภาษีที่ดินตามร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่นั้น มีความเหมาะสมหรือไม่ รวมถึงจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้จริงตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้หรือเปล่า ซึ่งตรงนี้เราทุกคนต้องติดตามกันต่อไป แต่เบื้องต้นนั้น ภาษีที่ดินว่างเปล่าจะเริ่มถูกจัดเก็บ ในปีหน้า พ.ศ.2562 และถ้าไม่มีความผิดพลาดอะไร ปี พ.ศ. 2563 ก็ถึงคิวบ้านที่เราอยู่ สำหรับคนที่มีหลายบ้าน ไม่ถูกสิ ต้องบอกว่าบ้านหลายหลัง ศึกษาข้อมูลให้ดีนะคะ

ขอบคุณข้อมูจาก AoM money

ติดตามบทความสุขภาพและสอบถามเรื่องการวางแผนการเงินของคุณได้ที่

ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลประกันเพิ่มเติม
LINE ID : chonchanit
Tel : 0619546396

มิว ชลชนิต ปึงวิริยะรัตน์ รหัสตัวแทน 594844


วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

สมองตาย ทำไมถึงตัดสินว่า"ตาย" ทั้งที่หัวใจยังคงเต้นอยู่

          สมองกับหัวใจ อะไรสำคัญกว่ากัน คงจะเป็นคำถามที่ถกเถียงกันไม่จบ หากขาดหัวใจก็ไม่มีปั๊มส่งเลือดขึ้นสอง อย่าลืมว่า เรามีการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้ แต่เรายังไม่เคยมีเคสไหน ผ่าตัดเปลี่ยนสมอง สมองเป็นอวัยวะที่ ซับซ้อน มากด้วยเส้นประสาท การรับรู้ของเรา รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ล้วนแล้วแต่เป็นการประมวลผลโดยสมองทั้งสิ้น

        เพราะว่าสมองนั้นบอบบางและอ่อนนุ่มมาก ร่างกาจึงปกป้องสมองด้วย กระโหลกศรีษะ หน้าที่และความสามารถของสมองอีกมากมายยังคงเป็นความลับสำหรับวงการแพทย์ในยุคปัจจุบัน สมองแต่ละส่วนจะควบคุมการทำงานของร่างกายต่าง ๆ กัน สมองใหญ่ทั้ง 2 ข้าง สมองน้อย และก้านสมองรวมกัน คิดเป็นเนื้อเยื่อของสมองเกือบร้อยละ 90 ทำหน้าที่ควบคุมความคิด การเคลื่อนไหว รวมทั้งความรู้สึกสัมผัสและการตอบสนองต่อสิ่งเร้า  สมองน้อยเป็นศูนย์ควบคุมความสมดุลในการเคลื่อนไหวของร่างกาย  ก้านสมองเป็นส่วนเชื่อมระหว่างสมองกับไขสันหลัง  มีหน้าที่ควบคุมระบบประสาทอัตโนมัติ  เช่น  การเต้นของหัวใจ  การหายใจ  เป็นต้น

        สมองตาย ทำไมถึง สรุปว่า คนๆนั้นเสียชีวิต ทั้งๆที่หัวใจ ร่างกายบางอย่าง ยังทำงานปกติ นายแพทย์สุกิจ ทัศนสุนทรวงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า "ต้องทดสอบการทำงานของก้านหรือแกนสมอง เพราะเป็นจุดศูนย์กลางของสมอง ถ้ามันสูญเสียโดยถาวรแล้ว สมองส่วนอื่นๆ ก็ไม่สามารถทำงานต่อได้ แต่ความเป็นจริงแล้ว สมองส่วนที่จะสูญเสียเป็นอันดับสุดท้ายก็คือแกนสมองนั่นแหละ ฉะนั้น เราจึงใช้เกณฑ์การตรวจแกนสมองเป็นหลัก
       
       “แกนสมองตัวที่เราตรวจหลักๆ คือการตรวจการไม่หายใจ เพราะว่าศูนย์การหายใจเป็นตัวสำคัญของชีวิต ถ้าไม่ทำงานโดยถาวรแล้ว ก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ซึ่งถ้าตรวจแล้วพบว่าศูนย์การหายใจสูญเสียถาวร ทั่วโลกก็ยอมรับว่าสมองตายและเสียชีวิตแล้ว โดยจะมีการตรวจ 2 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 6 ชั่วโมง ถ้าอายุต่ำกว่า 18 ถึง 1 ขวบ ก็ 12 ชั่วโมง ต่ำกว่า 1 ขวบก็ 24 ชั่วโมง เพราะพวกที่อายุน้อย สมองอาจจะมีความทนทานมากกว่า”

         นายแพทย์สุกิจ อธิบายต่อว่า เมื่อสมองตายแล้ว หัวใจอาจจะยังเต้นอยู่หากได้รับการกระตุ้น แต่ 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยกลุ่มนี้ หัวใจจะหยุดเต้นภายใน 3 วัน เพราะแกนสมองคือส่วนที่ควบคุมการเต้นของหัวใจ จริงอยู่ที่ปฏิกิริยาสนองตอบของคนไข้อาจจะมีอยู่ เพราะมันเป็นการสั่งการจากไขสันหลัง แต่เรื่องของการรับรู้ที่มาจากสมองนั้นไม่มีแล้ว ซึ่งประเด็นก็คือต้องมีการตรวจและพิสูจน์ว่าคนไข้มีอาการสมองตายจริงๆ ไม่ใช่เกิดจากสิ่งที่มีอาการคล้ายๆ กัน
     
       ประโยชน์ที่ได้จากการกำหนดเกณฑ์สมองตายคือ ผู้ที่ถูกวินิจฉัยว่าสมองตายนั้น ในระยะแรก อวัยวะต่างๆ จะยังทำงานได้ดี หากพูดคุยกับทางญาติผู้ตายและยินยอมให้บริจาคอวัยวะ อวัยวะจากผู้ป่วยสมองตายซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1,000 รายต่อปี ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยคนอื่นๆ ทุกวันนี้ มีคนไข้ที่รอบริจาคอวัยวะในประเทศไทยอยู่ประมาณ 2,500 คน แต่อวัยวะที่ได้จากการบริจาคของคนไข้ที่มีอาการสมองตายนั้นมีไม่เกินปีละ 100 ราย ซึ่งคนไข้ที่รออวัยวะเหล่านั้น จำเป็นที่จะต้องได้การบริจาคจากคนไข้ที่เสียชีวิตด้วยอาการสมองตายเท่านั้น

    สมองตายในมุมมองกฎหมาย ไม่จัดเป็นการตาย เพราะในการพิสูจน์ความตายของบุคคลก็คือต้องตายตามธรรมชาติ โดยหมดลมหายใจและหัวใจหยุดเต้นอย่างสิ้นเชิง จึงทำให้เกิดข้อโต้แย้งกันในทางหลักวิชาการแพทย์ซึ่งถือว่าผู้ป่วยสมองตายคือผู้ที่ตายแล้วในทางการแพทย์ กับหลักวิชานิติศาสตร์ที่ยังไม่ยอมรับกันว่าการตายโดยอาการสมองตายนั้นเป็นการตายแล้วอย่างแท้จริง รวมถึงญาติผู้ป่วย ที่ไม่อาจรับคำตัดสินนี้ได้ แม้การยุติการช่วยต่อชีวิตผู้ป่วยโดยการถอดเครื่องมือต่างๆ ออกจะมิใช่เป็นการลงมือฆ่าโดยตรง แต่แพทย์ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่าฆ่าผู้อื่น เพราะบุคคลทั่วไปยังมีความคิดกันว่าแพทย์มีหน้าที่ต้องช่วยชีวิตผู้ป่วย หากแพทย์ยุติการช่วยชีวิตเพื่อป้องกันการตายก็อาจถือว่าเป็นการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยการละเว้นการกระทำได้เช่นกัน

    จากประสบการณ์โดยตรงของมิวที่ผ่านมา กับการสูญเสียญาติ และบุคคลที่รัก แม้จะไม่ใช่สมองตายโดยตรง แต่การที่สมองส่วนใหญ่หยุดการทำงานไป สาเหตุคือ การล้มของผู้สูงวัย ทำให้เลือดคั่งในสมอง และพื้นที่สมองบางส่วนถูกทำลาย ผู้ป่วยจะไม่ลืมตา แต่ยังมีบ้างที่ขยับร่างกาย ริมฝีปาก ซึ่งแน่นอนว่าญาติคนไข้ทุกคน คิดว่านั่นคือสัญญาณที่ดี แต่อันที่จริงคือกลไกร่างกายเท่านั้น ผู้ป่วยไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไปแล้ว แค่รอวันที่กลไกทุกอย่าง ค่อยๆหยุดทำงานลงด้วยตัวเอง ซึ่งก็คือ 3 วันจริงๆ
 
   มันเร็วมากสำหรับคนที่ยังคุยกันก่อนนอน ว่าเราจะมีกิจกรรมอะไรด้วยกันในวันพรุ่งนี้ แต่สามชั่วโมงถัดมาก็ทำให้ได้รู้ว่า พรุ่งนี้สำหรับพวกเรา มันไม่มีอีกต่อไปแล้ว ทำวันนี้ให้ดีที่สุด อย่าผลัดเป็นวันพรุ่งนี้เลยค่ะ บางทีพรุ่งนี้ ทุกอย่างก็สายเกินไป

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.manager.co.th

ติดตามบทความสุขภาพและสอบถามเรื่องประกันชีวิตได้ที่

ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลประกันเพิ่มเติม
LINE ID : chonchanit
Tel : 0619546396

มิว ชลชนิต ปึงวิริยะรัตน์ รหัสตัวแทน 594844

วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

กฎหมายมรดก ไม่ใช่คนรวยหรือคนสูงวัยเท่านั้นที่ต้องรู้นะ

                   มรดก สามพยางค์สั้นๆ เล็กๆ แตอานุภาพ รุนแรงยิ่งใหญ่ บ้างมอบความซาบซึ้งสุขใจ บ้างก็ทำให้เกิดศึกสงคราม แล้วใครบ้างล่ะที่จะมีสิทธิได้รับมรดก 

กฎหมายได้กำหนดไว้ 2 ประเภทคือ 

1.ทายาทโดยพินัยกรรม หรือทายาทโดยเจตนาของเจ้าของมรดก

2.ทายาทโดยธรรมหรือทายาทโดยผลของกฎหมาย ซึ่งทายาทโดยธรรม นี้จะมีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายต่อเมื่อ ผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ หรือทำแต่ไม่ได้ระบุชื่อเจ้าของผู้รับมรดกหมดทุกชิ้น ชิ้นที่เหลือไม่มีชื่ออาจจะตกเป็นของทายาทกลุ่มนี้

คุณสมบัติทั่วไปของทายาทคือ
  1. บุคคลที่จะเป็นทายาทจะต้องมีสภาพบุคคลอยู่ในเวลาที่เจ้าของมรดกถึงแก่ความตาย กล่าวคือ เป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะที่เจ้าของมรดกถึงแก่ความตายจนถึงปัจจุบัน รวมถึงไม่ใช่คนที่ทางศาลสั่งให้ เป็นบุคคลสาปสูญ
  2. บคคลที่มีสภาพบุคคลภายหลังที่เจ้าของมรดกถึงแก่ความตาย ย่อมไม่มีสภาพ บุคคลในขณะที่เจ้าของมรดกถึงแก่ความตาย เอาภาษาทั้วไปคือ ทารกหรือเด็ก ที่แม่ตั้งท้องหลังจากเจ้าของมรดกได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ทั้งนี้มีข้อยกเว้นแต่ 2 กรณี
    1.  เด็กที่เกิดมารอดอยู่ภายใน 310 วัน นับแต่เวลาที่เจ้าของมรดกถึงแก่ความตายนั้น เป็นทารกใน ครรภ์มารดาอยู่ในเวลาที่เจ้าของมรดกถึงแก่ความตาย
    2. เมื่อมูลนิธิใดซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยพินัยกรรมได้ตั้งขึ้นเป็นนิติบุคคลแล้ว ให้ถือว่าทรัพย์สินซึ่งผู้ทำพินัยกรรมจัดสรรไว้เพื่อการนั้น ตกเป็นของ นิติบุคคลนั้นตั้งแต่เวลาซึ่งพินัยกรรมมีผลเว้นแต่จะมีข้อกำหนดไว้ในพินัยกรรมเป็นอย่างอื่น”
  3.  บุคคลที่เป็นทายาทจะต้องมีฐานะเป็นทายาทประเภทหนึ่งประเภทใดตามที่กล่าวได้ข้างต้น
         
         พินัยกรร หมายถึง การแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายซึ่งให้มีผลบังคับได้เมื่อถึงแก่ ความตาย หรือถ้าเป็นภาษาพูดก็ได้แก่ คำสั่งเสียของผู้ตาย โดยกฎหมายกำหนดรูปแบบของพินัยกรรมไว้ 5 แบบ
  1.  พินัยกรรมแบบธรรมดา จะต้องทำเป็นหนังสือลงวันเดือนปีขณะที่ทำ ระบุคำสั่งเสียให้ชัดเจน แล้วลงลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมต่อหน้าพยาน 2 คน ซึ่งพยานทั้งสองคนจะไม่มีสิทธิ์ในพินัยกรรมดังกล่าว พินัยกรรมแบบนี้จะเขียนด้วยลายมือ หรือพิมพ์ก็ได้ และผู้ทำพินัยกรรมจะให้บุคคลอื่นเป็นผู้จัดทำก็ได้แต่ต้องระบุชื่อ และที่อยู่ของผู้นั้น ให้ชัดเจนลงไว้ในพินัยกรรม
  2. พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ ผู้ทๆพินัยกรรมต้องเขียนข้อความ ทั้งหมดด้วยลายมือตนเอง ตั้งแต่วันเดือนปี คำสั่งเสีย และการลงลายมือชื่อ พินัยกรรมแบบเขียนเองนี้กฎหมายไม่ได้บังคับว่าต้องมีพยาน ดังนั้นจะ มี หรือไม่มีก็ได้ แต่ถ้าการทำพินัยกรรมแบบนี้มีพยานด้วย ก็จะน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น เพราะมี พยานผู้รู้เห็นด้วย โดยผู้ทำพินัยกรรมต้องลงมือเขียนด้วยลายมือของตัวเองทั้งหมด ตั้งแต่อักษรตัวแรกจนถึงอักษรตัวสุดท้าย การนำแบบพิมพ์พินัยกรรมมากรอกข้อความลงไป ไม่ใช่การทำพินัยกรรมแบบเขียนเอง 
  3. พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง ติดต่อที่นายอำเภอให้ช่วย ทำพินัยกรรมให้ โดยให้นายอำเภอจดแจ้งข้อความที่ตนประสงค์จะระบุไว้ในพินัยกรรม และลง ลายมือชื่อของตนต่อหน้าพยาน 2 คน (พินัยกรรมแบบนี้ต้องติดต่อที่อำเภอ) 
  4. พินัยกรรมแบบลับ เมื่อทำพินัยกรรมแล้วปิดผนึกลง ลายมือชื่อคาบรอยผนึกนำไปแสดงต่อนายอำเภอและพยาน 2 คน ให้นายอำเภอจดถ้อยคำของ ผู้ทำพินัยกรรม และวัน เดือน ปี ที่ทำพินัยกรรมไว้บนซองและประทับตราต าแหน่งลงลายมือชื่อ นายอำเภอ ผู้ทำพินัยกรรม และพยานบนซองนั้น(พินัยกรรมแบบนี้ต้องติดต่อที่อำเภอ) 
  5. พินัยกรรมด้วยวาจา พินัยกรรมแบบนี้จะมีผลบังคับตามกฎหมายได้ ต่อเมื่อ ได้ทำขึ้นในขณะที่มีพฤติการณ์พิเศษคือ ผู้ทำพินัยกรรมนั้น ตกอยู่ในอันตรายใกล้ความ ตาย มีโรคระบาด มีสงคราม บุคคลนั้นแสดงเจตนาต่อหน้าพยานอย่างน้อย 2 คน โดยที่พยานสองคน นั้นต้องไปแสดงตนต่อนาอำเภอโดยไม่ชักช้า แจ้งข้อความที่ผู้ตายสั่งไว้ด้วยวาจานั้น พร้อมทั้ง แจ้งวันเดือนปี สถานที่ที่ทำพินัยกรรม และพฤติการณ์พิเศษนั้นไว้ด้วย  
                       พินัยกรรมใน 4 รูป แบบแรก ผู้ทำพินัยกรรมจะเลือกทำ แบบใดก็ได้  โดยผู้ทำพินัยกรรม อาจจะมอบให้บุคคลซึ่งตนไวว้างใจเป็นผู้ดูแลรกัษาเมื่อผู้ทำพินัยกรรมถึงแก่ความตายปัญหา เรื่องพินัยกรรมจริง หรือปลอมก็ลดลงเพราะสามารถตรวจเช็คได้จากพินัยกรรมที่ทำขึ้นว่ามี ข้อความตรงกันหรือไม่
บุคคลซึ่งจะเป็นพยานในพินัยกรรม จะต้องเป็นมิได้เป็นบุคคลดังต่อไปนี้
  1.  ผู้ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ
  2.  บุคคลวิกลจริตหรือบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ
  3. บุคคลที่หูหนวก เป็นใบ้ หรือจักษุบอดทั้งสองข้าง
               กรณีที่ผู้ทำพินัยกรรม ได้ทำพินัยกรรมเป็นต้นฉบับหลายฉบับ การแก้ไขพินัยกรรมจะต้องกระทำต่อพินัยกรรมทุกฉบับ แก้ไขที่ใดจุดใดต้องลงลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรม และพยาน กำกับการแก้ไขตลอด ในกรณีที่ผู้ทำพินัยกรรมเปลี่ยนใจไม่อยากแสดงเจตนาเผื่อตายต่อไป ผู้ทำพินัยกรรมก็สามารถเพิกถอนพินัยกรรมที่ทำขึ้นได้ โดยทำลายพินัยกรรมที่ทำขึ้นนั้นทิ้งไปจะ โดยวิธีใดก็ได้ แต่ถ้าได้ทำพินัยกรรมขึ้นหลายฉบับต้องทำลายทิ้งทุกฉบับ

            แต่ปัญหาในเรื่องพินัยกรรมส่วนใหญ่จะมากจาก ทายาทโดยธรรม ซึ่งก็คือ บุตรในสมรส บุตรนอกสมรส บุตรบุญธรรม พีน้องที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกันกับเจ้าของมรดก พี่น้องคนละพ่อหรือคนละแม่ของเจ้าของมรดก ภรรยาหรือสามีที่จดทะเบียนสมรสกับเจ้าของมรดก พ่อและแม่ในที่นี้รวมพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงของเจ้าของมรดกที่ได้รับการสมรสอย่างถูกต้อง ซึ่งคนกลุ่มนี้จะทำให้เกิดการฟ้องร้อง ยืดระยะเวลาการตัดสินกระจายทรัพย์สินออกไป 

         ในการเสียชีวิตทุกครั้ง เงิน ที่ดิน สินทรัพย์ใดๆ ยกเว้นกรมธรรม์ประกันชีวิต จะถูกยึดไว้ไม่ให้มีการถอนออกหรือจำหน่าย เพราะต้องรอทายาทโดยธรรมคนอื่นๆ มาท้วงสิทธิ์อันพึงได้ โดยทายาทโดยธรรมต้องฟ้องแบ่งมรดกภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่เจ้าของมรดก ตายหรือควรจะได้รู้ถึงแก่ความตายของเจ้าของมรดก หรือภายใน 10 ปีนับแต่ที่เจ้าของมรดกตาย ยกเว้นแต่ทายาทโดยธรรมฟ้องให้แบ่งมรดกในส่วนที่ตนเองร่วมครอบครอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่เจ้ามรดกตายฯ แต่ให้ฟ้องภายใน 1 ปีนับแต่วันที่ไม่ แบ่งมรดกให้ (นับแต่วันโต้แย้งสิทธิ) แทน
       
        นี่ล่ะที่บอกว่า ควรทำกรมธรรม์ไว้สำหรับเป็นมรดกเงินสด ที่ใช้และมอบให้คนที่เรารักทันที ใครก็ไม่มีสิทธิ์โต้แย้งครอบครอง ระยะเวลาหนึ่งปีที่ยังไม่รวมการต่อสู้ชั้นศาลที่ยืดเยื้อ หากคุณไม่ทำไว้ คนที่คุณรักจะลำบากแค่ไหน คุณอาจจะคิดว่า คุณเป็นคนธรรมดา มรดกที่มีก็ไม่มากมายอะไร แต่ถ้ามีลูกสองคน ที่ตกลงกันไม่ได้ คนธรรมดามรดกไม่มาก ก็สร้างความลำบากได้เช่นกัน บนโลกใบนี้ ไม่มีใครที่รักและดูแล ปกป้อง พวกเขาได้ดีเท่าคุณอีกแล้ว เชื่อเถอะ   ประกันเงินออมไม่ใช่แค่การออมเงิน แต่เป็นมรดก เป็นความรักที่คุณทุ่มเทให้กับเขาในวันที่เขาไม่มีคุณ ใครที่เป็นผู้ได้รับเขไม่ได้ดีใจที่ได้เงิน แต่เขาดีใจที่สุดท้ายแล้วคุณไม่ได้ทิ้งเขาให้เผชิญปัญหาลำพัง


ติดตามบทความสุขภาพและสอบถามเรื่องประกันชีวิตได้ที่

ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลประกันเพิ่มเติม
LINE ID : chonchanit
Tel : 0619546396

มิว ชลชนิต ปึงวิริยะรัตน์ รหัสตัวแทน 594844