วันที่ 24 เม.ย. 61 ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี หลังจาก นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ , นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ , นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และนายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือหมอแสง ได้หารือกันในเรื่องผลการทดลองของกรมการแพทย์ ว่าสมุนไพรของหมอแสงนั้นสามารถยับยั้งมะเร็งได้หรือไม่
ผลการทดลองในหลองทดลอง ยับยั้งเซลล์มะเร็งไม่ได้
หลังจากหารือเสร็จ เมื่อเวลา 12.00 น. นพ.ณรงค์ ก็กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “กรมฯ ได้นำตัวอย่างสมุนไพรนายแสงชัยมาทดลองในลักษณะตัวยาที่มีความเข้มข้นต่างกัน แยกเป็นที่อยู่ในสารน้ำ ในเลือด และปริมาณที่มีความเข้มข้นสูงๆ แล้วนำสมุนไพรนี้ไปทดสอบกับเซลล์มะเร็ง 7 แบบ คือ มะเร็งเต้านม 3 ชนิด มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ และมะเร็งกระเพาะอาหาร
“ผลการทดลองในหลอดทดลองพบว่า ฤทธิ์ของสมุนไพร ไม่สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ แต่กรมการแพทย์แผนไทยฯ ก็ได้ศึกษาต่อในเรื่องของคุณภาพชีวิต ก็พบว่าสามารถใช้ได้”
ส่วนจะมีการวิจัยในสัตว์ทดลอง หรือคนต่อไปหรือไม่ นพ.ณรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการพูดคุยกันอีก เพราะมีหลายมุมมอง แต่สิ่งที่คุยกับหมอแสงไปแล้ว ก็คือ ผู้ป่วยอย่ารักษาด้านใดด้านหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยในระยะสุดท้าย จะรับยานายแสงชัย เพื่อประคับประคองก็ได้ แต่หากเป็นระยะต้น ควรรักษาแบบคู่ขนาน ซึ่งนายแสงชัยก็เห็นด้วย
ก่อนที่ นพ.ณรงค์ สรุปว่า จากผลการทดลอง สมุนไพรของหมอแสงนั้นไม่มีพิษ สามารถเข้าสู่ร่างกายไม่เป็นพิษ แต่ไม่ได้ฆ่าเซลล์มะเร็ง
หมอแสง โต้ ผลที่ออกมา เป็นเพียงการวิจัยในหลอดทดลอง
ส่วนหมอแสง กล่าวว่า สิ่งที่กรมการแพทย์ฯ นำไปทดลองนั้น ก็เป็นเพียงการวิจัยในหลอดทดลอง เพราะเมื่ออยู่ในหลอดทดลองก็อยู่แค่นั้น แต่ถ้าเข้าร่างกายแล้วมันก็ไปตามเส้นเลือด
ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า ยืนยัน ถ้าไม่ถูกห้าม ก็แจกสมุนไพรต่อไป เพราะเป็นความหวังของประชาชน ส่วนเรื่องสูตรจะขายให้ต่างชาติหรือไม่นั้น ก็ไม่แน่ หากหมอไทยบอกไม่ได้ผล เราจะเก็บสูตรไว้ทำไม ที่ผ่านมามี รพ.จากอเมริกา มาเฝ้าทุกระยะเพื่อติดต่อขอซื้อ แต่ตนยังไม่อยากขาย กลัวคนไทยไม่มีกิน และจะไปแจกต่อที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในวันที่ 2 พ.ค. นี้
มื่อถามว่าผลการทดลองที่ออกมานายแสงชัยจะต้องมีการชี้แจงต่อประชาชนที่รอรับสมุนไพรอย่างไร นายแสงชัย กล่าวว่า ประชาชนเขาไม่ต้องการคำชี้แจงหรอก เขาต้องการรู้แค่ว่าตนต้องการจะแจกยาต่อหรือไม่เท่านั้นเอง เมื่อถามต่อว่าผลทดลองบอกไม่ได้ผลในการฆ่าเซลล์มะเร็ง ดังนั้นจะปรับกลุ่มการแจกสมุนไพรหรือไม่ นายแสงชัยกล่าวว่า ถ้าผู้ป่วยเขาพร้อมจะไปรับเราก็ให้ หรือถ้าเขาสะดวกก็ไปที่สถาบันมะเร็งซึ่งรักษาทุกระยะ ไม่มีไล่กลับบ้าน รับได้หมด ทั้งนี้ยืนยันว่าผู้ป่วยที่มารับสมุนไพรนั้นนั้นไม่มีการทิ้งการรักษาแผนปัจจุบัน แต่มีคนป่วยที่หมดทางรักษาแล้วอยู่ในมือเราหลายพันคน เป็นมะเร็งรวมๆ สมุนไพรเราเองก็ไม่มีสูตรแยกว่าเป็นมะเร็งชนิดไหน รวมมั่ว มะเร็งก็คือไวรัส เราไม่ใช่หมออย่าไปแยกมัน มะเร็งคือไวรัสชนิดหนึ่งเราก็ฆ่ามันเท่านั้นเอง
เมื่อถามต่อว่าเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนจริงๆ จะต้องขยายผลทดลอง หรือร่วมกับภาครัฐในการทดลองหรือไม่ นายแสงชัย กล่าวว่า เรื่องการขยายผลจริงๆ อยู่ที่ภาครัฐ ตนมีแค่หน้าที่ผลิต ซึ่งก็ทำมาตลอด แต่ก็บอกทุกครั้งว่าให้รักษาควบคู่กันไป ตนบอกตลอดว่าไม่ใช่หมอ แต่เป็นผู้แบ่งปันคนหมดหนทาง ไม่เป็นไร เรายังเดินหน้าแจกต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่ไหว และคิดว่าเร็วๆ นี้คงจะไม่ไหว วันนี้กำลังการผลิตอยู่ที่ 4 แสนเม็ดต่อเดือน สำหรับกรณีมีคนตั้งข้อสังเกตเรื่องว่าทำไมต้องมีการลงบันทึกประจำวันนั้นก็คงต้องไปถามคนที่ตั้งคำถามว่าคนที่ผ่าตัดในรพ.ที่ผ่าตัดในรพ.ทำไมต้องให้ญาติเซ็น คนจะตาย ตายแล้วไม่เดือดร้อนเราให้แค่นี้พอ พอแจ้งความแล้วตำรวจจะรู้ยอดคนจะได้ให้การดูแลได้ ที่มาของยา 6 เม็ด เพราะมันไม่พอเลยแบ่งจาก 10 เม็ดเหลือ 6 เม็ด
นายแสงชัย กล่าวต่อว่า ที่รัฐทำคือทดลองในหลอดทดลอง จะเอามาทดลลองในคนไม่ได้ เพราะผิดจริยธรรม แต่ตนได้ทดลองในคน ซึ่งอาการแย่อยู่แล้ว เริ่มต้นก่อนจะแจกไม่ใช่ว่าไม่ทดลอง เราทดลองตามผู้ป่วยติดเตียง ตามบ้าน ตามวัดที่ใกล้เสียชีวิต ก็พบว่ามีเสียชีวิตประมาณ 300-500 คน แต่เราเอาผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่มีทางรอด ตายแน่ๆ ญาติยอมเราก็ให้กิน
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่านี่ถือเป็นการวิจัยแล้วใช่หรือไม่ นายแสงชัยกล่าวว่า อันนั้นคือคิดการใหญ่ใจต้องถึง มัวแต่ไปรอภาคส่วนรัฐที่ต้องรอทดลองในหลอดทดลองแล้ว สัตว์น้อย สัตว์ใหญ่ ตนไม่เอาหรอก ตนจะรักษาคน ไม่ได้รักษาสัตว์ ไม่ได้รักษาสัตว์ทดลอง ก็เลยเอาคนจริง และเมื่อถามต่อว่าในการทดลองในคนได้มีการขออนุญาตก่อนหรือไม่ นายแสงชัยกล่าวว่า ต้องขออนุญาตใคร ก็ขออนุญาตญาติเขาแล้ว ซึ่งเราไม่กังวลว่ามันเป็นการวิจัยในมนุษย์
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก : www.khaosod.co.th
จากใจของ Blogger ชลชนิต FA AIA
เอาเป็นว่า ไม่รู้ว่าผลการทดลอง เป็นอย่างที่กรมการแพทย์เผย หรือ เป็นอย่างที่หมอแสงโต้ แต่ที่รับรู้กันได้คือ ยาหมอแสง ให้คุณค่าทางใจ ทำให้ผู้ป่วยมีกำลังใจ อันนี้แน่นอนและเห็นชัด แต่ ตัวผู้ป่วยเองไม่ควรเลือกการรักษาขาดเพียงทางหมอแสงทางเดียว ควรรักษาคู่ขนาดกับแผนปัจจุบันด้วย ตามที่หมอแสงบอกนะคะ