เงินไม่ใช่พระเจ้า เพียงแค่เงินบันดาลทุกข์ และสุขได้ คนจนมีทุกข์เพราะไม่มีเงิน คนรวยมีทุกข์เพราะเงินไม่สร้างมิตรที่จริงใจ เงินเปรียบเหมือนกระบอกเสียงขนาดใหญ่ เสียงดังฟังชัด พูดไปใครก็ได้ยิน แล้ววันนึงคุณไม่มีกระบอกเสียงนั้นๆ ใครบ้างที่จะฟังคุณมองคุณ จริงๆคนเราไม่จำเป็นต้องรวยร้อยล้านพันล้าน ขอแค่ยามฉุกเฉิน เรายังเดินได้อย่างสง่างาม และใช้ชีวิตได้ปกติในบ้านหลังเดิม
หลายครั้งที่ พิษเศรษฐกิจ ทำลายรากฐานการเงินของครอบครัว และอีกหลายครั้งเช่นกันที่พิษของโรคภัยก็จู่โจม แย่ที่สุดคือสองสิ่งดันมาพร้อมกัน คล้ายๆล่นเกมส์เศรษฐี แล้วเดินตกไปในแดนที่มีแลนด์มาร์คเว่อร์วังราคาหลายล้าน แล้วเงินที่สะสมมาก็ปลิวว่อนไปสู่ผู้ชนะ ไม่ใช่คราวซวย ไม่ใช่ดวงไม่ดี แค่ไม่ได้วางแผนเรื่องนี้มากแต่ต้น
เพราะชีวิตไม่ใช่เกมส์ เราจะทอยๆลูกเต๋าลงสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ปัจจุบัน การออมเงิน มีมาให้เห็นหลากหลายรูปแบบ ทั้งออมเงินแบบความเสี่ยงน้อยๆ ในธนาคาร และออมความเสี่ยงมากๆในตลาดหุ้น
(ยกเว้นการพนันไม่ใช่การออมเงินนะยูว์) อย่างที่บอก ความเสี่ยงจะน้อยลง หากเราขยายไข่ในตระกร้าไปใส่ตระกร้าใบอื่นๆบ้าง วันนี้มิวจะนำเสนอ 7 ข้อ ที่จะทำให้การวางแผนการเงินนั้นมั่นคง จากบทความของ Kevin's Daddy คุณพ่อนักวางแผนการเงิน
1 รู้สถานะการเงินของตัวเอง
การที่เรารู้สถานะการเงินของเราเอง เราสามารถตรวจสุขภาพการเงินผ่าน Link>>สำรวจความเสี่ยงทางการเงิน อย่าเพิ่งคิดว่าเหยแกร ฉันว่าตอนนี้ฉันยังโอเคนะ ลองทำดูแล้วจะรู้ถึงรายจ่ายที่เราลืมไปอีกมากมาย ดังนั้นการตรวจสุขภาพทางการเงินก็คือการตรวจสอบว่าเรามีรายรับรายจ่ายเป็นอย่างไร มีรายจ่ายรายการไหนที่ต้องจ่ายประจำมั้ย หรือมีรายจ่ายรายการใดเป็นรายจ่ายแบบทั่วไป ซึ่งถ้าเทียบกับรายรับแล้ว เรามีรายเหลือเท่าไหร่ แล้วเรามีการไปลงทุนอะไรบ้าง ซึ่งเราก็ควรตรวจสอบถึงสินทรัพย์และหนี้สินของเราด้วยว่า ตอนนี้เรามีแหล่งเงินของเราในส่วนไหนบ้าง เช่น มีในเงินฝากเท่าไหร่ หรืออยู่ในกองทุนบ้างมั้ย หรือ มีสินทรัพย์ประเภทส่วนตัวของเรามั้ย ซึ่งจะได้รู้ว่าจริง ๆ แล้ว ตอนนี้เรามีสินทรัพย์ทั้งหมดเลย มูลค่าเท่าไหร่แล้ว รวมถึงมีหนี้สินบ้างหรือไม่ อย่างน้อยก็ควรมีมูลค่าของสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน เพราะ ไม่เช่นนั้นเราก็จะต้องมีภาระเรื่องการจัดการหนี้สินที่ถือว่าเป็นความเสี่ยงทางการเงินที่อันตรายมากทีเดียว
2 การตั้งเป้าหมายทางการเงินของตัวเราเองในอนาคต
คนส่วนใหญ่มักจะผิดพลาดในเรื่องนี้ เช่น ไม่เคยรู้เลยว่าตอนเกษียณเราควรต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะพอ หรือ ถ้าจะส่งลูกเรียนเราควรต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ เป็นต้น ซึ่งข้อนี้ ก็อยากให้ทุก ๆ ท่านจัดลำดับเป้าหมายตามความสำคัญ และ ตามระยะเวลาด้วย เช่น ถ้าเป้าหมายระยะยาวเกินกว่า 10 ปีนี้ เรามีเรื่องอะไรที่กังวล อาจจะเป็นเรื่องการเกษียณอายุ หรือการเก็บเงินให้ลูก เป็นต้น หรือถ้าเป้าหมายระยะกลาง ๆ ได้แก่ ต้องการแต่งงานในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือ อยากซื้อบ้านใหม่ใน 3 ปี ควรต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ดี เป็นต้น
นอกจากนั้นการมองอนาคตอาจจะไม่ได้มองแค่เรื่องเป้าหมายการเงินเรื่องสำคัญเท่านั้น ควรจะมีเป้าหมายในเรื่องที่สำคัญน้อย ๆ บ้าง แต่ก็ถือว่าจำเป็นในชีวิต เช่น เป้าหมายว่าอยากไปเที่ยวกับครอบครัวในที่ ๆ เราอยากไป หรือ อยากได้มีโอกาสพาคุณพ่อคุณแม่ไปแสวงบุญที่อินเดีย เป็นต้น ซึ่งแม้ว่าอาจจะไม่สำคัญ แต่ก็ต้องมีเงินเช่นกัน
3 ถามตัวเองว่าวันนี้เรามีวิธีการที่จะไปสู่เป้าหมายที่ต้องการแล้วหรือยัง
ข้อนี้เป็นการตรวจสอบตัวเองว่าที่เราใช้ชีวิตแบบที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนหรือการออมที่ทำอยู่นั้น มันสามารถ นำเราไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการหรือไม่ ซึ่งถ้ามั่นใจว่าได้ ก็ขอแสดงความยินดีว่าคุณเริ่มเข้าใจคำว่าวางแผนการเงินดีขึ้น แต่ถ้าใครยังตอบไม่ได้หรือไม่มั่นใจ ก็ควรต้องรีบกลับไปตรวจสอบแผนการเงินของตัวเองแล้วว่าเราต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง เราต้องไปลงทุนตรงไหนเพิ่ม หรือ เราต้องลดค่าใช้จ่ายในส่วนไหนหรือไม่
4 ถ้าวันนี้ใครมีรายได้มากกว่ารายจ่ายแล้ว ก็ควรต้องมีเงินสำรองฉุกเฉินที่มากพอด้วย
ข้อนี้คือพื้นฐานลำดับแรกของการวางแผนการเงิน เราต้อง มีเงินสำรองฉุกเฉิน (Emergency Cash) เป็นบัญชีแรกซึ่งควรต้องมีตามหลักการสากลอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน ( ซึ่งคิดเฉพาะค่าใช้จ่าย ประจำและค่าใช้จ่ายผันแปร ) และควรต้องมีสภาพคล่องสูงพร้อมถอนได้ทันที รวมถึงต้องมีความเสี่ยงต่ำ เช่น ในธนาคาร หรือกองทุนตลาดเงิน (Money Market Fund) หมายความว่าถ้าจะต้องถอนวันนี้ ก็จะสามารถได้เงินออกมาได้ทันที และจะต้องไม่ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจ มูลค่าเงินก็ควรต้องไม่ลดลงเสมอ
ข้อนี้บางคนอาจจะคิดว่าไม่สำคัญ แต่อยากให้ทุกท่านลองมองในมุมของการเจอวิกฤติบ้าง เช่น เกิดวิกฤติเศรษฐกิจจนทำให้บริษัทที่เราทำงานต้องปิดตัวลงกะทันหัน หรือ ร้านขายของของเราเกิดถูกปิดกะทันหัน ไม่สามารถขายได้เนื่องด้วยอยู่ในอาคารที่ถูกไฟไหม้ ทำให้รายได้หยุดลงทันที หากไม่มีเงินสำรองอย่างน้อย 6 เดือนก็เท่ากับว่าท่านจะต้องเอาสินทรัพย์อื่นขายออกไป เพื่อให้ได้เงินมาใช้จ่าย แม้ว่าสินทรัพย์นั้นอาจจะเป็นหุ้นหรือทองคำที่ยังขาดทุนอยู่ก็ต้องขาย รวมไปถึงอาจต้องขายรถก็เป็นได้ ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการประมาทจึงควรให้มีเงินส่วนนี้อย่างเพียงพอ อาจจะมากกว่า 6 เท่าของค่าใช้จ่ายก็ได้ และจะต้องอยู่ในเกณฑ์ที่สบายใจอีกด้วย ซึ่งถ้ามีเพียงพอแล้ว เงินส่วนที่เกินค่อยไปหาวิธีการลงทุนต่อไป
5 ถ้ามีหนี้สิน เราได้จัดการอย่างเหมาะสมมั้ย
ข้อนี้คือข้อที่มาเตือนคนที่ยังมีหนี้สินอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหนี้สินบ้าน รถ หรือบัตรเครดิต รวมไปถึงหนี้สินนอกระบบเราได้จัดการมันอย่างเหมาะสมมั้ย เช่น หนี้สินบ้าน นั้นเราผ่อนมาครบ 3 ปีหรือยัง ถ้าครบแล้วเราได้ลองหาวิธี Refinance มั้ย ซึ่งก็ทำได้ไม่ยาก แค่ลองไปติดต่อกับทางธนาคารต่าง ๆ ดู แล้วก็ดูว่าเงื่อนไขที่ไหนดีที่สุด
แต่ที่น่าจะเป็นห่วงก็คือการเป็นหนี้นอกระบบกับหนี้บัตรเครดิตเพราะ หนี้ประเภทนี้ดอกเบี้ยสูงมาก ๆ เช่น หนี้บัตรเครดิตจะอยู่ที่ประมาณ 18-20% ต่อปี ดังนั้นถ้าเราชำระขั้นต่ำตลอดก็เท่ากับว่า เรากำลังจะเพิ่มยอดหนี้เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นหากใครที่มีหนี้สินประเภทนี้ สิ่งแรกที่ควรต้องทำคือปิดยอดหนี้ให้หมดเร็วที่สุด โดยอาจจะลองหาแหล่งเงินรอบ ๆ ตัวว่าพอมีบ้างมั้ย รวมไปถึงอาจจะรีบวางแผนผ่อนหนี้ในยอดที่ต่ำที่สุดก่อนก็ได้ครับ เพื่อเป็นกำลังใจในการผ่อนหนี้ของส่วนอื่น ๆ ต่อไป ดังนั้นข้อนี้ก็แค่ย้ำว่า ถ้าใครมีหนี้นอกระบบหรือหนี้บัตรเครดิตก็ควรต้องรีบจัดการด่วนที่สุด แม้ว่าอาจจะต้องขายสินทรัพย์บางอย่างที่อาจจะไม่สำคัญออกไปก็ควรต้องทำเพื่อลดอัตราการเติบโตของยอดหนี้ในอนาคต
6 จัดการความเสี่ยงเรื่องทรัพย์สิน ชีวิต และ สุขภาพ ดีพอหรือยัง
ข้อนี้คือส่วนสำคัญมาก ๆ ของแผนการเงินแบบองค์รวมเช่นกันเพราะในชีวิตของคนเราทุก ๆ คนอาจจะต้อง ประสบกับเรื่องไม่คาดฝัน ทั้งอาจจะใหญ่บ้าง รุนแรงบ้าง เช่น ไฟไหม้โรงงาน รถชน รถหาย เป็นโรคร้ายแรง หรือ กลายเป็นคนพิการทุพพลภาพ หรือ อาจจะเล็กน้อยบ้าง เช่น หกล้ม รถเฉี่ยว ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น ซึ่งความเสียหายดังกล่าวนั้น ถ้าหากมันเกิดขึ้นแล้วไม่มีผลกับสถานะการเงินของเรา ก็แสดงว่าเราวางแผนดีแล้ว แต่ถ้ามันเกิดกับเราแล้วมีผลทำให้การเงินของเราเสียหาย ก็แสดงว่าแผนการเงินของเราน่าจะยังจัดการเรื่องนี้ไม่ดี
ซึ่งเรื่องนี้สำคัญเพราะเป็นเรื่องที่ถ้าเกิดความเสียหายแล้ว เราไม่สามารถจะกลับไปแก้ได้ทัน เช่น ถ้าต้องเป็นมะเร็งแล้วเรากลับไม่มีประกันคุ้มครอง แถมต้องเสียเงินค่ารักษามากมาย รวมถึงอาจจะมีผลทำให้ทำงานได้ลดลง ก็อาจจะทำให้การเงินมีปัญหาได้ แถมเราจะกลับไปเริ่มทำประกันคุ้มครองใหม่ก็คงไม่สามารถทำได้แล้ว ข้อนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ที่ทำให้หลาย ๆ ครอบครัวมีปัญหาทางการเงินแบบล้มทั้งยืน
ดังนั้นการจัดการที่เหมาะสมกับเรื่องนี้ก็คือการโอนความเสี่ยงให้บริษัทประกันรับผิดชอบไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประกันรถ ประกันไฟไหม้บ้าน ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และ ประกันโรคร้ายแรง ซึ่งก็ควรจัดให้เหมาะสมกับสถานะทางการเงินของเราด้วย ไม่ทำมากเกินไปจนจ่ายเบี้ยไม่ไหว หรือ ทำน้อยเกินไปจนไม่สามารถช่วยอะไรได้หากต้องเจอเหตุการณ์ร้ายแรงจริง ๆ
7 ต้องมีการออมและการลงทุนอย่างเหมาะสมกับทุกเป้าหมายของเรา
ข้อนี้เป็นข้อสำคัญที่หลาย ๆ คน อาจจะคิดเป็นเรื่องแรก ๆ เกี่ยวกับเรื่องการเงิน เช่น เงินเหลือจะเอาไปทำไรดีที่ผลตอบแทนมากกว่าธนาคาร เป็นต้น ซึ่งจริง ๆ แล้วอยากให้ทุก ๆ คนควรต้องจัดการใน 6 ข้อแรกอย่างดีพอก่อน ซึ่งข้อนี้ก็อยากให้ตรวจสอบการออมการลงทุนของตัวเองว่า มีอัตราส่วนการออมการลงทุนคิดเป็นกี่ % ของรายได้ น้อยไปหรือไม่ รวมถึงการลงทุนของเรานั้นมันไปตอบโจทย์เป้าหมายอะไรของเราบ้าง เช่น บางคนอาจจะมีรายได้ปีละ 1,000,000 บาท ก็อาจจะลงทุนในกองทุน RMF หรือ LTF หรือ ประกันชีวิตแบบบำนาญ ซึ่งอาจจะได้ทั้งการลงทุนเพื่อเป้าหมายเกษียณ และยังสามารถเอาไปใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ดังนั้นการออมและการลงทุนกับอะไรจึงต้องมีความรู้จริงในสิ่งนั้นด้วย อย่าลงทุนตามข่าวลือหรือตามกระแสเพราะอาจมีผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวก็ได้ สรุปข้อนี้ก็คือ ถ้ามีเงินเหลือจากทุกข้อข้างต้นแล้ว ควรนำไปลงทุน แต่ต้องเป็นการลงทุนเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงินของเราก่อน เท่านั้น
ถ้าเราสามารถทำได้ครบทั้ง 7 ขั้นตอนโดย ไม่ได้แอบคิดเข้าข้างตัวเอง เพราะกลัวรายจ่ายจะบานปลาย เราจะอยู่ในกลุ่มที่ปลอดภัย อย่างแท้จริง น่าแปลกที่คนเราอยากมั่นคงในการเงิน แต่กลับหลีกเลี่ยงการทำประกันทุกรูปแบบ เรามักน้อยกันเกินไป หรือเรามีชีวิตแค่ปัจจุบัน อย่ามองกว่าการทำประกันคือภาระ เพราะภาระจริงๆ มูลค่ามันมากกว่าเงินประกัน ปีละไม่กี่หมื่น
#รักตัวเองให้ครบทุกด้าน
#ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท
ติดตามบทความสุขภาพและสอบถามเรื่องประกันชีวิตได้ที่
ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลประกันเพิ่มเติม
LINE ID : chonchanit
Tel : 0619546396
มิว ชลชนิต ปึงวิริยะรัตน์ รหัสตัวแทน 594844