บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เนื้องอกในสมอง หรือแค่อาการปวดหัวธรรมดา

             หลายวันก่อนมิวได้มีโอกาสเข้าพบลูกค้าท่านหนึ่ง อันที่จริงด้วยอายุของมิวกับลูกค้าก็แทบไม่แตกต่างกันมากนัก ลูกค้าได้เล่าเคสซึ่งเป็นเหตุทำให้ลูกค้าต้องเรียกมิวมาในวันนี้ ลูกค้าได้เล่าในเรื่องของเพื่อนลูกค้า ที่มีอาการปวดหัวอยู่ประจำๆ แต่ไม่มีการักษาอะไรจริงจังนอกจากทานยาแก้ปวดทั่วๆไป จนกระทั่งน็อคไป ผลแสกนสมองพบว่าเพื่อนลูกค้าเป็นเนื้องอกในสมอง เนื้องอกในสมองนี่ค่อนข้างอันตรายเพราะดันไปขึ้นในส่วนที่เปราะบางที่สุดของเรา


            เนื้องอกในสมอง คือ เนื้อที่เกิดจากการเจริญเติบโตอย่างผิดปกติของเซลล์ในสมองหรือบริเวณเนื้อเยื่อและต่อมต่าง ๆ บริเวณใกล้เคียงกับสมอง ซึ่งอาจรบกวนระบบประสาทและการทำงานของสมอง จนทำให้มีอาการต่าง ๆ ตามมา โดยเนื้องอกที่เกิดขึ้นในสมองไม่ใช่เนื้อร้ายหรือมะเร็งเสมอไป

             เนื้องอกในสมองมี 4 ระดับ โดยวัดระดับ 1-4 ตามลำดับการเจริญเติบโตของเนื้องอกและโอกาสในการกลับมาเป็นอีกแม้ได้รับการรักษาแล้ว ทั้งนี้ เนื้องอกในสมองแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ

เนื้องอกที่เป็นเนื้อธรรมดา (Benign Brain Tumors) เป็นเนื้องอกไม่อันตราย (ระดับ 1-2) มีการเจริญเติบโตช้า ไม่ใช่เซลล์มะเร็ง สามารถรักษาให้หายได้ และมีโอกาสน้อยที่ผู้ป่วยจะกลับมาเป็นอีกหลังการรักษา  
เนื้อเยื่อที่เป็นเนื้อร้าย (Malignant Brain Tumors) เป็นเนื้องอกอันตราย (ระดับ 3-4) มีการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ คือ เซลล์มะเร็ง อาจเกิดขึ้นบริเวณสมอง หรือเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นที่อวัยวะอื่นแล้วลามเข้าสู่สมอง เนื้องอกที่เป็นเซลล์มะเร็งจะมีการเจริญเติบโตเรื่อย ๆ อย่างไม่สามารถควบคุมได้ และมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นได้อีกแม้เคยผ่านการรักษาไปแล้ว โดยทั่วไป เนื้องอกที่เป็นเซลล์มะเร็งจะพบได้บ่อยกว่าเนื้องอกที่เป็นเนื้อธรรมดา

อาการที่อาจเกิดขึ้นได้จากการมีเนื้องอกในสมอง ได้แก่
  • ปวดหัวบ่อย ๆ และปวดหัวรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
  • คลื่นไส้ อาเจียน ง่วงซึม
  • พูดจาติดขัด มีความยากลำบากในการพูดสื่อสาร
  • มีปัญหาการได้ยิน
  • มีปัญหาในการมองเห็น สูญเสียทัศนวิสัยในการมองเห็น มองเห็นเป็นภาพเบลอ หรือภาพซ้อน
  • สับสน มึนงง
  • มีการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ บุคลิกภาพ พฤติกรรม
  • มีปัญหาด้านความจำ
  • มีปัญหาการทรงตัว ทรงตัวลำบาก
  • สูญเสียการรับรู้ของประสาทสัมผัส และการเคลื่อนไหวแขนขา
  • มีอาการชักทั้งที่ไม่เคยมีประวัติชักมาก่อน
  • แขนขาอ่อนแรง เป็นอัมพาตครึ่งซีก
ภาวะแทรกซ้อนของเนื้องอกในสมอง
สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้อันเป็นผลมาจากการมีเนื้องอกในสมอง และบางอาการอาจเสี่ยงต่ออันตรายถึงชีวิต ได้แก่
  • ภาวะตกเลือด มีเลือดออกบริเวณเนื้องอกในสมอง
  • เกิดการอุดกั้นของน้ำไขสันหลัง จนอาจเกิดภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ (Hydrocephalus)
  • สมองเคลื่อนไปยังช่องว่างฐานกะโหลก เนื่องจากความดันในสมองเพิ่มขึ้นสูงเฉียบพลัน อาจทำให้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
  • อาการชัก เมื่อเนื้องอกขยายตัวหรือมีอาการบวม อาจเสี่ยงต่อการเกิดลมชัก แม้ภายหลังได้รับการผ่าตัดเอาเนื้องอกออกไปแล้ว เนื้อเยื่อส่วนที่เป็นรอยแผลเป็นหลังการผ่าตัดอาจทำให้เกิดลมชักได้เช่นกัน ในกรณีนี้แพทย์อาจจ่ายยาต้านอาการชักหรือยาตัวอื่นที่จำเป็น เพื่อลดอาการบวมของเนื้อเยื่อและควบคุมไม่ให้เกิดอาการชัก
       ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเคสเนื้องอกในสมอง ก็ขึ้นอยู่กับระดับอาการ บางท่านอาจจะทานยาให้ฝ่อลงได้ แต่เชื่อได้ว่าระหว่างทางต้องเสียเงินหลักหมื่นกว่าๆ ขึ้นไป ด้วยไหนจะต้อง CTA Brainก็14000บาท(รพ.ศิริราช)แล้ว แถมยังต้องทำMRIอีก11000บาท นี่แค่ราคาโดยประมาณ ยังไม่รวมค่าผ่าตัด ซึ่งถามจากลูกค้า และด้วยตัวประสบการณืตรงจากคนในครอบครัวมิว การผ่าตัดสมองราคาจะอยู่ที่หลักแสน นี่แค่เฉพาะการผ่าตัด สิทธิ์การเบิกจ่ายต้องดูขอบเขตด้วยว่าเครื่องมือชนิดไหนยาอะไร 
ดังนั้น ลูกค้าท่านนี้จึงเห็นความสำคัญว่าควรทำประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองด้านนี้ 



      เพราะในกรณีรักษาที่เร่งด่วนและใช้ฝีมือเป็นอย่างสูง เมื่อลูกค้ามาคิดวิเคราะห์แล้วก็พบว่าหากใช้สิทธิ์บัตรต่างๆ ลูกค้าไม่สามารถรับความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกไหว แล้วคุณล่ะคะ มีประกันที่ให้ความคุ้มครองเรื่องแบบนี้หรือยัง ถ้ายังไม่มีปรึกษามิวได้นะคะ

 ติดตามบทความสุขภาพและสอบถามเรื่องการวางแผนการเงินของคุณได้ที่


ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลประกันเพิ่มเติม

LINE ID : chonchanit
Tel : 0619546396



มิว ชลชนิต ปึงวิริยะรัตน์ รหัสตัวแทน 594844

วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

HOW TO ชาร์ทแบทให้ชีวิตวันในหยุดยาว

               วันหยุด คือกำไลชีวิตของมนุษย์วัยทำงานหลายๆคน ยิ่งยาวเท่าไรยิ่งแฮปปี้ วางแผนเที่ยวกันสนุกสนานยาวๆไป แต่เคยไหม พอวันหยุดใกล้หมดวัน พรุ่งนี้คือวันทำงานทำไม มันยังรู้สึก อึนๆ เหนื่อยๆอยู่ล่ะ วันนี้มิวจะมานำเสนอ วิธีชาร์ทแบทชีวิตให้เตรียมพร้อมสู้วันทำงานอีกครั้ง แค่ 6วิธี รับรองว่าจะสดชื่นสดใส พร้อมรับวันทำงานใหม่อีกครั้งแน่นอน

             1.วางแผนล่วงหน้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
                แน่นอนว่าวันหยุดมักมาพร้อมกับการท่องเที่ยว และคนเรามักจะมีความตื่นเต้นเสมอเมื่อต้องเดินทางไปเจออะไรใหม่ๆ ดังนั้นเพื่อป้องกันการเสียความรู้สึกขณะท่องเที่ยว จึงควรมีการวางแผนให้พอดีสหรับเรื่องต่างๆ หาข้อมูลกิจกรรมใกล้ๆ สถานที่หลักของคุณที่คุณจะไปไว้กันเหนียว อาจจะทำให้คุณประทับใขกัยสถานที่ใหม่นอกเหนือจากแผนที่วางเอาไว้

             2.จำกัดตัวเลือกให้น้อยลงอย่ารักพี่เสียดายน้องโอกาสหน้ามาใหม่ได้
               อาการแบบว่าแกตรงนั้นฉันอยากไป ตรงนี้ก็อยาก อาจจะพาลให้ทริปหมดสนุก นักจิตวิทยาชื่อ Barry Schwartz เรียกมันว่า "paradox of choice" คือความขัดแย้งกันในใจสำหรับการมีตัวเลือกที่มากเกินไป เช่น อยากไปทั้งทะเล ภูเขา น้ำตก หรือไปทริปสุดหรู ในเวลาที่จำกัด กรณีแบบนี้จะมีภาวะที่สมองเกิดอาการสับสนได้ พึงระลึกไว้ว่ามีทางเลือกมากกว่าหนึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ทางเลือกมากเกินไปจะส่งผลให้การเดินทางของคุณเต็มไปด้วยความวิตกกังวลได้

              3.ไม่ว่าทริปนั้นจะสั้นจะยาวล้วนแต่มีความทรงจำที่แตกต่างกัน
                  นักเศรษฐศาสตร์อย่าง Daniel Kahneman แสดงทัศนะเอาไว้ว่า ระหว่างเวลาหนึ่งสัปดาห์กับสองสัปดาห์นั้นมีผลไม่แตกต่างกันในเรื่องของความทรงจำในการเดินทางแต่ล่ะครั้ง แต่สิ่งที่น่าจะต้องพิจารณาก็คือคุณได้พักผ่อนเต็มที่และได้เก็บเกี่ยวอะไรบ้างจากการเดินทางต่างหากค่ะ

              4.ปลอยวางเรื่องงานจงมีความสุขกับการท่องเที่ยว
                 Al Gini ศาสตราจารย์ด้านจริยธรรมทางธุรกิจที่ Loyola University of Chicago แนะนำว่าให้คุณใช้เวลา 2-3 วัน ก่อนการเดินทางผ่อนคลายตัวเองจากเรื่องต่างๆให้มากที่สุด แล้วการเดินทางในวันหยุดของคุณจะเต็มไปด้วยความสนุกมากขึ้น โยนภาระทิ้งไปชั่วคราว มีความสุขกับปัจจุบันที่อยู่ตรงหน้าเราเถอะค่ะ

              5. ให้รางวัลชีวิตตัวเองบ้าง
                   จริงอยู่ว่ามิวจะเน้นไปในเรื่องการออมเงิน แต่คุณขา ชีวิตคุณต้องมีความสุขใช้จ่ายบ้างนะคะ ถ้ามีแผนการเงินที่ดี เรื่องแบบนี้ไม่ต้องกลัวค่ะ จุดประสงค์ที่แท้จริงของการเดินทางในวันพักผ่อนก็คือการเก็บเกี่ยวเรื่องราวดีๆ เอาไว้ให้ได้จดจำ และเป็นเชื้อเพลิงให้ชีวิตสำหรับการทำงานหลังจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ในการใช้จ่ายเงินของคุณไม่ควรเน้นไปที่การซื้อข้าวของแต่ควรพุ่งประเด็นไปที่การทำกิจกรรมต่างๆ เช่นหาที่พักดี ๆ หาของอร่อยๆ ทาน จะช่วยให้คุณมีความสุขมากขึ้น

              6. พูดถึงทริปเก่าๆที่เราสนุกสนานด้วยกัน
                   มีผลการศึกษาในปี 2015 ชิ้นหนึ่งที่ระบุว่า ผู้ที่ใช้เวลาพูดคุยกันเกี่ยวกับการเดินทางที่เพิ่งกลับมา เช่นความสนุกของการได้ล่องแพ  รสชาติของอาหาร หรือความสวยงามของสถานที่ จะช่วยให้สามารถรักษาความรู้สึกของการได้ท่องเที่ยวนั้นให้ยาวนานขึ้น อีกอย่างเมื่อเกิดบทสนทนาที่มีความรู้สึกร่วมกันมันจะทำให้การพูดคุยในช่วงเวลานั้นมีแต่ความสุข
             


               อันที่จริงวันหยุดที่เราออกเที่ยว บางคนอาจจะมีความสุขแค่เพียงได้นอนนิ่งๆที่บ้านก็ได้ อย่างที่เขาว่ากันว่า ความสุขมันไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าไปเที่ยวที่ไหน แต่มันอยู่ที่ว่าเราไปเที่ยวหรือใช้เวลาวันหยุดนั้นๆกับใคร ขอให้ทุกคนมีความสุขกับวันหยุดยาวในรูปแบบที่แต่ละคนพอใจ อย่าเผลอจ่ายของที่ไม่จำเป็นมากนัก พักยาวๆให้พร้อมรับการทำงานอีกครั้ง แล้วเราค่อยมาวางแผนการเงินกันต่อนะคะ

 ติดตามบทความสุขภาพและสอบถามเรื่องการวางแผนการเงินของคุณได้ที่


ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลประกันเพิ่มเติม

LINE ID : chonchanit
Tel : 0619546396



มิว ชลชนิต ปึงวิริยะรัตน์ รหัสตัวแทน 594844

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

7 ความเชื่อแบบผิดๆเกี่ยวกับประกันชีวิต

           

   ถึงแม้ประกันชีวิตจะเข้ามาในสังคมไทยเป็นระยะเวลาหลายปีมาแล้ว แต่การเป็นที่ยอมรับ และความเข้าใจเกี่ยวกับการทำประกันชีวิตในสังคมไทย ถือว่ายังไม่กว้างเท่าที่ควร หลายคนยังไม่เข้าใจแก่นกลางที่แท้ของการทำประกันชีวิต เลยมักมีข้อโต้แย้งขึ้นมาเสมอๆ 


               วันนี้มิวจะนำเสนอ ความเชื่อแบบผิดๆ ที่มิวเคยพบเจอตลอดระยะเวลาที่เข้ามาทำอาชีพนี้ และมิวเชื่อว่ายังมีอีกมากความเชื่อที่ผิดแล้วมิวยังไม่ค้นพบ มาลองดูว่ามีอะไรบ้าง

                1. เชื่อว่าประกันชีวิตจ่ายแล้วจ่ายเลยไม่คืนเงิน จริงๆการทำประกันชีวิตมีการคืนเงินทุกรูปแบบค่ะ แต่จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับ เงื่อนไขที่เราเลือก ไม่สิตัวแทนเลือกให้ เงินที่คืนจะมาจากสัญญาหลัก ซึ่งคนส่วนใหญ่มักยกเลิกการส่งโดยไม่ขอเงินที่ควรได้บางส่วนคืน  มีเพียงอย่างเดียวที่เสียแล้วเสียเลย ถือว่าซื้อความคุ้มครองความเสี่ยงคือ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ซึ่งจะจ่ายคืนมาเป็นความคุ้มครองค่ารักษาอุบัติเหตุ มีดบาด หกล้ม คือใครจ่ายประกันอุบัติเหตุอยู่มิวแนะนำว่า ถึงบาดเจ็บเล็กๆน้อยก็ไปใช้สิทธิ์เถอะค่ะ คุ้ม

                 2. ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล VS ประกันรถยนต์เหมือนกัน  ยืนยันอีกครั้งว่าไม่เหมือน จัดเป็นญาติๆกันดีกว่า จุดประสงค์ของการทำก็เน้นความคุ้มครองคนละแบบแล้ว รถยนต์จะเน้นไปที่เรื่องของรถยนต์ในการเกิดอุบัติเหตุ การชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ ถามว่ามีค่ารักษาให้ไหม มีค่ะแต่ก็ไม่พอครอบคลุมทั้งหมด ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล จะเน้นไปที่ตัวบุคคล สามารถใช้ควบคู่กับประกันรถยนต์ได้ แต่จะครอบคลุมไปถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในระหว่างการดำรงค์ชีวิตประจำวันด้วย เช่นมีดบาด หรือตกบันใด หมากัด ประกันรถยนต์จะไม่จ่ายเรื่องนี้ให้นะคะ

                3. ประกันชีวิตมีไว้เพื่อลดภาษีเท่านั้น ฮัลโหลคุณขา นั่นคือแค่ผลพลอยได้ ไม่ใช่หัวใจหลักใหญ่ จริงๆแล้วการทำประกันชีวิต นั่นมีไว้เพื่อลดความเสี่ยงด้านต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา ไม่ใช่แค่การลดภาษี แต่เป็นการวางแผนการเงินเพื่อลดช่องโหว่ต่างๆให้ชีวิตคุณ ส่วนเรื่องภาษีเป็นเพียงฟังก์ชั่นเสริม ที่ดันดูมีค่ากว่าฟังก์ชั่นหลัก เอาเข้าจริงๆ มันก็ดีตรงที่คนเก็บเงินมากขึ้นโดยการเปลี่ยนรายจ่ายเป็นเงินออมที่ยั่งยืน

               4. เด็กๆไม่ควรทำประกัน อันที่จริงประกันจำพวกสุขภาพเบี้ยเด็กน้อยจะแพงเพราะความเสี่ยงสูง แต่จะมีช่วงวัยนึง หรือแบบประกันที่ไม่ใช่สุขภาพ เป็นเน้นในเรื่องเงินออม หรือโรคร้าย เด็กๆควรทำ เพราะยิ่งอายุน้อยเท่าไรเบี้ยยิ่งถูก เพราะความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตน้อย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่ยังรังเร ควรตัดสินใจทำตั้งแต่ลูกอายุยังน้อย เทียบง่ายๆ แบบประกันโรคร้ายของบริษัทมิว ทุนประกัน 1 ล้านเท่ากัน ระยะเวลาจ่ายเท่ากัน แต่เด็กน้อยจ่าย 2X,xxx ผู้ใหญ่จะ จ่าย 3X,XXX ทั้งๆที่ความคุ้มครองเท่าๆกัน 

              5.สุขภาพยังดีไม่ป่วยจะทำประกันทำไม มิวฟังแล้วได้แต่ถอนใจ อธิบายตรงๆค่ะ นที่ทำประกันคือคนที่สุขภาพดีค่ะ ประกันจะผ่านง่ายความคุ้มครองก็ได้เต็มที่  ลองง่ายๆค่ะ แค่มีประวัตินอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลจะนอนกี่วันก็ตามแต่ เมื่อออกจากโรงพยาบาลคุณได้รู้ซึ้งแล้วว่าควรทำประกันเพื่อตัวเอง คุณจะเจอกับการตรวจสุขภาพที่ยาวเป็นหางว่าวและการรอผลอนุมัติที่ทั้งคุณและตัวแทนใจตุ้มๆต่อมๆ บางทีอาจจะเจอว่าไม่คุ้มครองโรคที่เคยมีประวัติรักษา หรือก็เพิ่มเบี้ยในฐานะที่คุณมีความเสี่ยง และแย่ไปกว่านั้นคือไม่อนุมัติ นี่ยังไม่รวมระยะเวลารอคอยโรคต่างๆ กว่าประกันจะเครมให้ ไม่ใช่ว่าทำแล้วได้ทันที ถ้ายังไม่มีประกันชีวิต แถมสุขภาพยังแข็งแรง อย่ารอช้าเลยค่ะ ทำเถอะ


              6. มีประกันกลุ่มที่บริษัททำให้แล้ว  ที่ทำงานมิวมีประกันให้ค่ะ แต่มิวทำส่วนตัวเองไว้ด้วยเพราะ ที่ทำงานคือประกันที่ติดอยู่กับงาน ถ้าเราเกิดเหตุที่ต้องออกจากงานขึ้นมาเราจะทำอย่างไรเมื่อไม่มีประกันรักษาตัวเป็นของตัวเอง แล้วถ้ารอตอนนั้นค่อยทำ คำถามคือ เราจ่ายไหวหรอ เบี้ยประกันจะขึ้นตามอายุ อีกอย่างประกันกลุ่มไม่ได้ครอบคลุมค่ารักษาทั้งหมด ส่วนต่างก็ต้องควักเงินออก หรือโรคบางโรคก็ไม่รวมอยู่ในประกันกลุ่ม

             7. ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน เขาให้ทำประกันไว้แล้ว ค่ะมันคนละตัวอีกเช่นกัน ประกันตัวนี้จะให้ความคุ้มครองบริษัทบ้าน และรถยนต์ว่าเมื่อคุณเสียชีวิต ไม่มีคนส่งผ่อนต่อ บริษัทรถ บริษัทบ้านยังมีเงินประกันตรงนี้จ่ายให้แทนคุณโดยที่บ้าน และรถยนต์นั้นยังเป็นกรมสิทธิ์ของคุณ ก็จัดว่า  WIN WIN ทั้งคนซื้อและผู้ขายโดยมีบริษัทประกันอยู่ตรงกลาง

               มิวเข้าใจนะคะ สำหรับคนที่ไม่เห็นคุณค่าของการทำประกันชีวิต มิวเคยเป็นคนๆนั้นค่ะ แต่เชื่อไหมคะตั้งแต่มิวมาทำอาชีพนี้ มิวไม่ได้มีเงินมากที่จะทำเหมือนพวกคุณทุกคนแหละค่ะ แต่มิวก็ยังทำเอาที่พอส่งไหว และเมื่อเกิดเหตุมา มิวไม่ต้องห่วงว่าจะเป็นภาระใคร รู้ตัวอีกที มิวมีประกัน 5 ฉบับแล้วค่ะ ขาดแค่เรื่องโรคร้ายที่มิวกำลังเก็บหอมรอมริบไม่เกินเดือนหน้าจะมีไว้ในครอบครอง

             ประกันไม่ใช่ภาระของคุณนะคะ ถ้าไม่ได้ทำเกินความจำเป็นหรือทำจนไม่มีเงินจ่าย คุณสามารถจะทำประกันตามที่จ่ายไหวได้ แต่อย่าลืมหลักความจริงที่ว่าค่ารักษาปัจจุบันมันแพงแค่ไหน ไม่จำเป็นต้องมีฉบับเดียวที่จ่ายแพงๆ เริ่มจากเท่าที่ไหวแล้วขยับขึ้นไป จนถึงยอดที่เข้าโรงพยาบาล หรือเกิดเหตุ แล้วเราสามารถใช้ประกันจ่ายไม่ต้องพึ่งเงินเก็บ หรือเงินพ่อแม่ ถ้าคุณไม่มีประกันชีวิตรองรังนั้นแหละที่เรียกว่าภาระ 

           มิวหวังว่าจะอ่านกันครบทั้งหน้า แล้วก็เข้าใจประกันชีวิตกันเสียใหม่นะคะ เพื่อประโยชน์ของคุณเองหากไม่เข้าใจ มิวยินดีให้คำปรึกษาในการทำประกัน และการวางแผนการเงินเพื่ออนาคตค่ะ


 ติดตามบทความสุขภาพและสอบถามเรื่องการวางแผนการเงินของคุณได้ที่


ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลประกันเพิ่มเติม

LINE ID : chonchanit
Tel : 0619546396



มิว ชลชนิต ปึงวิริยะรัตน์ รหัสตัวแทน 594844

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ระยะเวลารอคอยคืออะไร แล้วระยะเวลาเท่าไรเครมได้แน่นอน


              การทำประกันต้องมาคู่กับระยะเวลารอคอย และเจ้าตัวนี้แหละที่บ่อยครั้งมักเป็นชนวน เหตุแห่งความเข้าใจผิดของบริษัทประกันกับลูกค้า วันนี้มิวจะมาอธิบายแบบเคลียร์ใสๆ ให้ง่ายอ่านแล้วอ๋อเข้าใจทันทีเลย


               เราสามารถแบ่งระยะเวลาการเครมออกเป็น 7 ช่วงระยะเวลาด้วยกัน ใช่ค่ะ ย้ำอีกครั้ง 7 ช่วงระยะเวลา เริ่มแรกเลยคือ

    1. เริ่มคุ้มครองทันที คือ ให้ความคุ้มครองในวันที่ทำสัญญาประกัน วันนั้นเลย มีประกันเพียงประเภทเดียวที่สามารถทำได้คือ  “ประกันอุบัติเหตุ”           
    2. เริ่มคุ้มครองในวันที่อนุมัติผลการทำสัญญาประกันคือ “ประกันชีวิต” “ประกันที่เป็นเงินออม”  ซึ่งแบ่งสัญญาย่อยๆที่ทำการคุ้มครองในวันนั้นออกมาอีก 

  • สัญญาพิ่มเติมคุ้มครองชั่วระยะเวลา 

  • ชำระเบี้ยแทนทุนหลัก 

  • อุบัติเหตุชดเชยรายได้ และสูญเสียอวัยวะ 

  • อุบัติเหตุที่มีทุนชีวิตเท่านั้น 

  • คุ้มครองการก่อจราจล/ ก่อการร้าย

  •               3. เริ่มคุ้มครอง 30 วันหลังจากวันที่อนุมัติทำสัญญา คือ “ประกันสุขภาพในหมวดค่ารักษา                             พยาบาล.โรคทั่วไป การผ่าตัด ค่ายา ค่าหมอ”
                  4. เริ่มคุ้มครอง 60 วันหลังจากวันที่อนุมัติทำสัญญา คือ โรคร้าย 38 โรค รวมไปถึงควา                              คุ้มครอง โรคมะเร็งในสตรี และการตั้งครรภ์
    44 โรคร้าย
                  5. เริ่มคุ้มครอง 120 วันหลังจากวันที่อนุมัติทำสัญญา คือ 4 โรคดังนี้
                                 5.1 ต้อเนื้อ,ต้อกระจก
                                 5.2 การตัดทอนซิล
                                 5.3 ไส้เลื่อนทุกชนิด
                                 5.4 เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
                  6. เริ่มคุ้มครอง 1ปี หลังจากวันที่อนุมัติทำสัญญา คือ "การฆ่าตัวตาย(ต้องชำระเบี้ยปีที่2ไป                    แล้ว)" และ "ความผิดปกติของการตั้งครรภ์" "ความผิดปกติของบุตร" รวมถึง "มะเร็งในรก"
                  7. เริ่มคุ้มครอง 2ปี หลังจากวันที่อนุมัติทำสัญญา คือการเสียชีวิตทุกกรณี(เฉพาะทุน                              คุ้มครอง ชีวิตหลัก) บริษัทไม่มีสิทธิ์บอกล้างสัญญา

             แล้วทำไมถึงต้องมีระยะเวลารอคอย  ก็เพราะว่าบริษัทประกันต้องการป้องกันความเสี่ยงที่จะมีคนที่รู้ว่าตัวเองป่วย แต่ยังไม่ยอมไปรักษา แต่ขอมาซื้อประกันก่อน แล้วค่อยไปรักษาเพื่อจะได้เบิกเงินจากประกันได้ บริษัทจะทำการสืบประวัติการรักษาของลูกค้าโดยเช็คดูประวัติการรักษาจากโรงพยาบาล ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราต้องบอกความจริงทุกอย่างกับตัวแทน

             หากแม้ว่าเลย 2 ปีแล้ว บริษัทประกันสืบทราบทีหลังว่าเรามีการปกปิด ให้ข้อมูลเท็จ บริษัทประกันมีสิทธิบอกเลิกสัญญาประกันสุขภาพได้ตามกฎหมายอยู่ดี

     ติดตามบทความสุขภาพและสอบถามเรื่องการวางแผนการเงินของคุณได้ที่


    ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลประกันเพิ่มเติม

    LINE ID : chonchanit
    Tel : 0619546396



    มิว ชลชนิต ปึงวิริยะรัตน์ รหัสตัวแทน 594844

    วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

    ขอบพระคุณความไว้วางใจของลูกค้าทุกท่าน

               จากเหตุการณ์ฉุกเฉินที่มีคนในบ้านมิวเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยมาก ครอบครัวมิวเป็นครอบครัวข้าราชการ เรียกได้ว่าการเข้าถึงสิทธิ์และเรื่องราวประกันชีวิต แทบจะเป็น 0 มีเพียงแม่ที่ทำประกันเพื่อช่วยตัวแทนหรือลดหย่อนภาษีเท่านั้น เราไม่มีประกันสุขภาพเรียกได้ว่า ไม่เคยมี แถมมีก็ไม่รู้จะใช้อย่างไร

    คุณตาของมิวในภาวะฉุกเฉิน
               มิวเข้ามาในอาชีพนี้ ด้วยเหตุปัจจัยอะไรหลายๆอย่าง แม้จะรู้ว่างานนี้เป็นงานที่ยาก และค่อนข้างจะดูแย่ในสายตาคนอื่นๆ แต่มิวมีใจที่มุ่งมั่นว่าทำได้ อีกทั้งเห็นคุณค่าที่แท้จริงของการทำประกัน อันที่จริงสังคมไทยเพิ่งจะเริ่มเปิดรับการทำประกันมาได้ไม่นาน แถมยังมีทัศนะในแง่ลบมากกว่า บวก
    มิวในสมัยแรกเข้าในวงการประกัน

               มิวจึงขอขอบพระคุณลูค้าทุกท่านที่เชื่อมั่น ไว้ใจในตัวมิว ตลอดระยะเวลาการทำงาน มิวไม่เคยสนเรื่องของรางวัลนะคะ นี่คือความสัตย์จริง มิวสนใจแค่ มิวได้ทำงานให้ลูกค้า ได้ช่วยลูกค้า ถึงกระนั้นก็มีผู้ใหญ่ใจดี เมตตาเปิดโอกาสเปิดทางให้มิวได้ก้าวเดินในเส้นทางอาชีพนี้ ตั้งแต่มีนาคม ที่ผ่านมา
              แน่นอนว่ามิวมือใหม่ มิวค่อนข้างอ่อนแอ เรียกได้ว่านอกจากใจแล้ว ข้างหน้าคือทางที่มืดมาก หลายคนบอกว่ามิวมาช้าไป หลายคนบอกว่าตลาดวายแล้ว มิวเริ่มจากการเดินน็อคดอร์(เคาะตามบ้าน)เช่นเดียวกับตัวแทนคนอื่นๆ ลองผิดลองถูก มาสักพัก ก็ได้รู้ว่า งานนี้มีอะไรใหม่สอนชีวิต เราได้ทุกเดือน ด้วยลูกค้าที่แตกต่างกันออกไป
    รับรางวัลแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม

              มิวมักเจอเคสแปลกๆ คำด่า ต่อว่าแรงๆ ของบางคนที่ไม่ชอบใจ หรือจะอะไรก็ตามแต่ มิวคิดเพียงว่ามิวมีน่าที่นำเสนอ เราเสนอความแน่นอนในอนาคต นำเสนอหลักประกัน เสนอความคุ้มครองให้ ส่วนใครจะเห็นดีรับไปก็นั่นถือว่ามิวได้ทำงานของมิวสำเร็จ ใครไม่รับแล้วแต่แนวคิดมิวไม่ขวางห้าม เราเป็นเหมือนหมอดู เราทำงานแข่งกับเวลา แข่งกับอะไรที่ลูกค้าต้องเสี่ยง มิวท้อค่ะ แต่มิวไม่เคยถอย
             4 เดือนจะเข้าเดือนที่ 5 ยังไม่ถึงครึ่งทางอาชีพด้วยซ้ำ มิวมีบุคคลสำคัญในชีวิตเพิ่มมาถึง 21 คน  เป็นทั้งผู้ใหญ่ใจดี และลุกค้าที่เข้าใจว่าการทำประกันสร้างประโยชน์อย่างไร ได้รับรางวัลมา2รางวัล ที่เป็นถ้วย นี่ยังไม่รวมรางวัลย่อยๆ ต่างๆ ที่ได้มา มิวไม่รู้หรอกค่ะ ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร มิวรู้ว่ามิวยังคงทำหน้าที่นี้ และจำให้เต็มที่สมกับที่ทุกคนวางใจในมิว
    รางวัลดาวรุ่ง รับเมื่อเดือน กรกฎาคม

             จากมิวคนเดิมที่อ่อนแอ วันนี้มิวรู้เลยว่ามิวเข้มแข็งมากขึ้น มิวเข้าใจประโยชน์ของการทำประกันมากขึ้น มารู้ตัวอีกทีมิวมีประกันในครอบครองร่วม 4 ฉบับแล้ว ทั้งของสังกัดมิวเอง และของเจ้าอื่น
    มิวไม่เคยยกเลิกประกันแม้บางตัวที่ถือ จะให้ผลประโยชน์ที่น้อย เพราะมาจากการช่วยตัวแทนของแม่
    แต่อย่างน้อยมิวก็ได้ความคุ้มครองที่อุ่นใจได้ว่า เมื่อใดที่เกิดเหตุกับมิว มิวจะไม่เป็นภาระค่าใช้จ่ายของบ้าน มิวครบทุกด้านแล้ว มิวสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายๆไปจน 60 แล้วคุณคนที่อ่าน มีประักนครบทุกด้านหรือยังคะ ถ้าบุคคลที่อ่านเป็น 1 ใน 21 บุคคลสำคัญของมิว

            มิวขอขอบพระคุณอีกครั้ง ไม่มีความไว้ใจของลูกค้าก็คงไม่มีมิวคนใหม่ในวันนี้ 
    ไม่ว่าบทความที่เขียนผ่านๆ มาขะให้ประโยชน์กับคนที่อ่านไหม
    แต่มิวดีใจนะคะที่บางคนเป็นแขกประจำของบล็อคมิว 
    ^_^


    ติดตามบทความสุขภาพและสอบถามเรื่องการวางแผนการเงินของคุณได้ที่



    ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลประกันเพิ่มเติม

    LINE ID : chonchanit
    Tel : 0619546396




    มิว ชลชนิต ปึงวิริยะรัตน์ รหัสตัวแทน 594844

    ทดลองวัคซีน HIV ขั้นแรก ผ่านไปได้ด้วยดี



    จากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวการสร้างวัคซีนของโรคเอชไอวีขึ้นมา จนกลายเป็นที่จับตามองของคนทั่วโลกไป ล่าสุดนี้เองโลกก็ได้รับข่าวดีกันอีกครั้ง

    เพราะว่าเจ้าวัคซีนป้องกันโรคเอชไอวีประเภทที่หนึ่ง หรือ HIV-1 นั้น ล่าสุดได้มีการเปิดเผยในวารสาร The Lancet แล้วว่า สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยในลิงและมนุษย์ในการทดลองขั้นต้นแล้ว

    วัคซีนที่ว่าถูกนำไปทดลองกับลิง 72 ตัวและมนุษย์ 393 คนจากคลินิก 12 แห่งที่ แอฟริกาใต้ แอฟริกาตะวันออก สหรัฐอเมริกา และไทย โดยตัววัคซีนมีผลเป็นอย่างดีในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ HIV ในกลุ่มผู้ทดลอง

    ซึ่งนั่นหมายความว่าวัคซีนตัวนี้ปลอดภัยมากพอที่จะเข้าสู่ขั้นการทดลองขั้นต่อไป ซึ่งเป็นการทดลองกับมนุษย์จำนวนมากแล้ว และยังเป็นวัคซีนเพียงตัวเดียวจากการทดลองวัคซีนโรคเอชไอวีทั้งห้า ที่ปลอดภัยมากพอที่จะเดินทางมาถึงขั้นตอนนี้ได้

    ขั้นตอนต่อไปของวัคซีนชนิดนี้คือการทดลองในกลุ่มผู้หญิง 2,600 คนที่มีความเสี่ยงติดเชื้อ HIV สูงในแถบแอฟริกา

    หากการทดลองผ่านไปได้ด้วยดี วัคซีนชนิดนี้อาจจะได้เป็นวัคซีนป้องกันโรคเอชไอวี ตัวแรกที่มีการใช้งานจริงในประชากรมนุษย์ทั่วโลกนั่นเอง

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก 
    catDumb

    วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

    เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีเราควรทำอย่างไร

    ผู้บริหาร แบ้งค์กรุงเทพ มีคนสรุป มา เตือนพนักงาน ของภาค/สาขา 
    สรุปจากการสัมมนาเล่าสู่กัน ที่ปทุมธานี กับท่านประธานโฆสิตท่านเตือนว่า

    สถาการณ์ ทั่วโลกไม่ดีมากๆทั้งสหรัฐอเมริกา/ยูโรโซน/AEC / ประสบกับตลาดหุ้นทั่วโลกโดยเฉพาะจีน ยังไม่นิ่ง/ภายในประเทศส่วนใหญ่

    สิ่งที่เราทุกคนต้องทำ

    1. กรณีถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจคือ

    1.1. ห้ามขยายกิจการ
    1.2. ให้รักษาสภาพคล่องคือเงินสดไว้มากๆ

    2.กรณีเป็นพนักงานกินเงินเดือนคือ

    2.1 ห้ามตกงานเด็ดขาด/งานจะหายาก/เพราะช่วงนี้มีหลายบริษัทเริ่มปลดพนักงานเพราะไม่มีคำสั่งซื้อ หลายบริษัทยอดขายลดลงกว่า50%

    2.2 ทำหน้าที่ตนเองในปัจจุบันให้ดีที่สุด/เร่งพัฒนาความรู้ทุกด้านให้ตัวเองให้มีความรู้ความชำนาญเฉพาะด้านมากขึ้นเพราะ เงินเดือน/รายได้จะได้เพิ่มมากขึ้นได้แก่ 

    2.2.1 ภาษาอังกฤษ/ภาษาจีน/ภาษาพม่า/ภาษาเขมร เป็นต้น

    2.2.2 สอบ IC ให้ผ่าน

    2.2.3 มีความชำนาญเรื่องสินเชื่อบ้าน

    2.2.4 เรียนต่อปริญญาโท

    กรณีเป็นหมอหรือเป็นวิศวกร ควรไปเรียนเพิ่มเติมให้มีความชำนาญเฉพาะด้านเพิ่มมากขึ้น

    3. ให้ทุกคนสังเกตุจะเห็นว่าทุกธนาคารตอนนี้มีมาตรการที่สำคัญเหมือนกันคือ

    1. เน้นหารายได้/ให้พนักงานทุกคนทุกสาขาช่วยทำกำไรให้เพิ่มมากขึ้นทุกวิถีทาง ตามที่ตัวเองถนัด

    2.เน้นการประหยัดค่าใช้จ่ายทุกชนิด

    ( ทั้ง 2 ข้อ ท่านสามารถนำไปปรับใช้กับครอบครัวของท่านจริงๆได้ ตั้งแต่วันนี้รีบเล่าสถานการณ์ปัจจุบันให้สมาชิกในครอบครัวฟังจะได้ช่วยกันทุกคน เช่น 

    1.ออมเงิน/รักษาสภาพคล่องคือเงินสด/ไม่ใช่จ่ายฟุ่มเฟือยอะไรไม่จำเป็นต้องอดใจไว้ซื้อปีหน้าหรือไม่ซื้อเลยในช่วง1-3 ปีนี้

    2. ต้องขยันอดทนเพิ่มมากขึ้นช่วยกันหารายได้ถ้ามีหนทาง

    โจรขโมยจะมีชุกชุมเพิ่มขึ้นมากๆมากกว่ายุง ทุกสาขาทุกบ้านให้ระมัดระวังดูแลบ้านช่องให้ดีๆและ อย่าไปเที่ยวดึกดื่นหรืออยู่ในที่เปลี่ยวให้สังเกตุจากข่าวรายวันช่วงนี้จี้ปล้นร้าน7-11/ จี้ร้านขายทอง/จี้ธนาคาร/ปล้นรถขนเงินสดธนาคารทุกวัน และจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเป็นต้น )

    " เก่งไม่กลัวแต่กลัวช้า
           รวดเร็ว แม่นยำ ยั่งยืน "

    "ไม่ว่าท่านจะทำหน้าที่อะไร ขอย้ำให้ท่านทำหน้าที่ของท่านให้ดีที่สุด "


    รัก&ห่วงใยขั้นสูงที่สุด